(พักเมืองราบัต
1 คืน, เฟส 1 คืน, ทะเลทราย 1 คืน, วอซาเซท 1 คืน, มาราเกช 1
คืน และ คาซาบลังกา 1 คืน ระดับ 4 ดาว) |
โอเชี่ยนสไมล์
ทัวร์ ขอเสนอโปรแกรมทัวร์โมรอคโค นำเที่ยว ราชอาณาจักรโมรอคโค
ดินแดนที่เชื่อต่อของแอฟริกาตะวันตกกับยุโรป ที่มีวัฒนธรรมโบราณมาอย่างยาวนาน
เต็มไปด้วยลวดลายสีสันที่เรารู้จักกันในนาม กระเบื้องโมเสก
นำท่านเที่ยวชม คาซาบลังกา เมืองแห่งตำนานภาพยนตร์ชื่อดังในอดีต
สัมผัสบรรยากาศเมืองริมขอบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ชม เมืองเฟส เมืองที่คงเสน่ห์ความเป็นโมร็อกโกไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
การเดินเล่นในเมืองเก่าให้ความรู้สึกเหมือนการย้อนเวลาสู่อดีต
ที่ท่านให้ท่านซึมซับบรรยากาศในเมืองเก่าอย่างแท้จริง ซึ่งไม่มีที่ใดจะเสมอเหมือนได้
ชม เมืองไอท์ เบนฮาดดู (Ait Benhaddou)
เมืองแห่งการถ่ายทำภาพยนต์ มีภาพยนตร์มากกว่า 20 เรื่องที่มาถ่ายทำที่เมืองนี้
ชม เมืองมาราเกช มหัศจรรย์แห่งเมืองโอเอซิสบนลุ่มน้ำเทนซิฟท์
อดีตเมืองหลวงแห่งราชวงศ์ อัลโมราวิด เมืองนี้ถูกกล่าวขานให้เป็น
A City of Drama ชม เมืองเอลจาดีดา
เมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนอ่าวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค โดยทีมงานมัคคุเทศก์ที่ชำนาญงาน
ที่พักแบบมาตรฐานและบริการอาหารเลิศรสของชาวโมร็อกโก |
บินเข้า-ออก คาซาบลังก้า โดยสายการบิน Qatar Airways สายการบินระดับ
5 ดาว
เส้นทางเท่องที่ยวเป็นวงกลม เที่ยวครบเมืองสวย ชมธรรมชาติอันหลากหลาย
ไม่วนรถไปมา
สัมผัสมนต์เสน่ห์ในเมดิน่าแห่งป้อมไอดูยะ ณ เมืองราบัต เพลิดเพลินกับสีสันของบ้านเรือนที่ทาทาบด้วยสีฟ้าขาว
ตื่นตากับเมืองเฟส เมืองหลวงเก่าในศ.ต. ที่ 8 ที่ได้ชื่อว่ามีองที่มีตรอกมากที่สุดในโลกถึง
9,400 ตรอก
ชมร่องรอยความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมันในอดีต เมืองโรมันโบราณ
โวลูบิลิส
มาราเกช (Marakesh) Pink City หรือ เมืองสีชมพู ที่มีจตุรัสอันเป็นกลิ่นอายอาหรับในสมัยโบราณที่ยังคงอยู่
รับประทานอาหารค่ำพร้อมชมโชว์ ศิลปวัฒนธรรม ของนักรบหลังม้าชาวเบอร์เบอร์
ที่ เชส อาลี แฟนตาเซียโชว์
นั่งรถ 4 WD และ ขี่อูฐชมเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า
ที่เมอร์ซูก้า Merzouga ในทะเลทรายซาฮาร่า
พักโรงแรมมาตรฐาน 4 / 5 ดาว
|
เตรียมตัวเดินทางครับ |
:
อุณหภูมิ |
เช็คอุณหภูมิ
เมืองคาซาบลังกา ประเทศโมรอคโค คลิ๊กที่นี่ |
:
เวลา |
เวลาในประเทศโมร็อกโก
ช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง |
:
ภาษา |
ภาษาอังกฤษและภาษาท้องถิ่น |
:
ไฟฟ้า |
220 โวลต์
สามารถเสียบชาร์จอุปกรณ์มือถือ หรือกล้องถ่ายรูปได้ตามปกติ |
:
ระบบเงินตรา |
สกุลเงินของอินเดียคือ
รูปี (อัตราแลกเปลี่ยน 100.-บาท ได้ประมาณ 150 รูปี) |
|
สำหรับเพื่อนๆจองทริปทัวร์
ทางเราจะแจ้งเบอร์ไกด์ จุดนัดหมายและการเตรียมตัวเดินทาง
ก่อนเดินทาง 5 วันครับ |
|
โปรแกรมการเดินทาง |
ทริปวันที่ 17 - 25 ตุลาคม 2558 : ราคาท่านละ 69,900.-บาท
(เปิดจองแล้วครับ) |
ทริปวันที่ 5 - 13 ธันวาคม 2558 : ราคาท่านละ 69,900.-บาท
(เร็วๆนี้) |
ทริปวันที่ 26 ธันวาคม - 3 มกราคม 2559 : ราคาท่านละ 74,900.-บาท
(เร็วๆนี้) |
วันแรก
: สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงโดฮา |
23.30
น. |
พร้อมกันที่
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น
4 ประตู 8 เคาน์เตอร์ Q สายการบินกาตาร์แอร์เวย์
เจ้าหน้าที่บริษัทฯ ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินท์ |
วันที่สอง
: โดฮา - คาซาบลังกา - กรุงราบัต พระราชวังหลวง สุสานกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่
5 ป้อมอูดายา |
02.40
น. |
ออกเดินทางสู่ กรุงโดฮา
ประเทศกาตาร์ โดย สายการบินกาตาร์
แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 837 (บนเครื่องมีบริการอาหารครับ
ใช้เวลาบิน 6.50 ชั่วโมง) |
05.30
น. |
ถึง สนามบินนานาชาติโดฮา
ประเทศกาตาร์ แวะเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไป
เมืองคาซาบลังกา ประเทศโมร็อกโก |
07.30
น. |
ออกเดินทางสู่ เมืองคาซาบลังกา
โดย สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์
เที่ยวบินที่ QR 1395 (บนเครื่องมีบริการอาหารครับ ใช้เวลาบิน
7.55 ชั่วโมง) |
13.35
น. |
ถึง สนามบินนานาชาติเมืองคาซาบลังก้า
(Casablanca) ประเทศโมรอคโค (เวลาท้องถิ่น ช้ากว่าประเทศไทย
7 ช.ม.) นำท่านผ่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พบมัคคุเทศก์ท้องถิ่นแล้ว
นำท่านออกเดินทางโดยรถบัสปรับอากาศสู่ เมืองราบัต
(Rabat) ระยะทาง 94 กม. (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) ชมเมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโกมาตั้งแต่ปีค.ศ.1956
นำท่านชม สุเหร่าหลวงและพระราชวังหลวง
ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมร็อกโกจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่า
เพื่อประกอบศาสนกิจ จากนั้นนำท่านชม สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่
5 พระอัยกาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตู
และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพ มีหีบพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง
ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่
2 แต่ไม่สำเร็จและพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง
183x139 เมตร จากนั้นนำท่านชม ป้อมอูดายา
(Oudayas Fortress) ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติกล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่
เป็นป้อมที่สเปนสร้างขึ้นเมื่อสมัยที่สเปนยึดครองประเทศโมร็อกโก
ด้านในมีสวนดอกไม้แบบสเปนและเป็นเมดิน่าหรือชุมชนชาวเมืองซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า-ขาว
ที่สะอาดตาน่าเดินเล่น บรรยากาศริมทะเลคล้ายเมืองซานโตรินี
ในอดีตป้อมแห่งนี้ใช้ป้องกันข้าศึกจากการรุกรานทั้งจากประเทศที่ล่าอาณานิคมและในยุคที่โจรสลัดชุกชุม
จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองที่ เมดิน่า
ตลาดพื้นเมือง สมควรแก่เวลานำท่านเข้าสู่ที่พัก
|
เย็น |
บริการอาหารเย็นที่โรงแรม
หลังอาหารพักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พักโรงแรม Gelden Tulip Farah
ในเมืองราบัต หรือระดับ 5 ดาว) |
วันที่สาม
: กรุงราบัต - เมคเนส - เมืองโรมันโบราณโวลูบิลิส - เฟส |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารออกเดินทางสู่ เมืองเมคเนส
(Meknes) ระยะทาง 152 กม. (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.50 ช.ม.)
แวะชม เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส
(Roman city of Volubilis) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี
ค.ศ. 1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต
เมืองโรมันโบราณแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี
ค.ศ.1997 ผ่านชม เมืองมูเล ไอดริส
(Moulay Idriss) เมืองโรมันโบราณเมืองหนึ่งที่เป็นเมืองศูนย์กลางศาสนาอันศักดิ์สิทธิของชาวมุสลิมในโมร็อกโก
ทุกๆปี ช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน จะมีเหล่านักจาริกแสวงบุญมาเยือนเมืองแห่งนี้เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาเปรียบได้กับเมืองเมกกะของประเทศซาอุดิอารเบีย
เมคเนสเป็นเมืองหลวงในสมัยโบราณ ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง
เมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตมะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองเฟส
(Fes) ระยะทาง 82 กม. (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม.)ตั้งอยู่ระหว่างพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่ต่อจากเชิงเทือกเขารีฟซึ่งเฟส
เป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีเสน่หอันแสนสุดประทํบใจ
แวะชมกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง
7 ประตู แวะชม ประตูบับมันซู (Bab
Mansour Monumental Gate) ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสดและกระเบื้องสีเขียวบนผนังสีแสด
ชม ประตูพระราชวังหลวงแห่งเฟซ (The
Royal Palace) ที่มีทหารยามยืนเฝ้าหน้าประตูอย่างสง่างาม ประตูทางเข้าพระราชวังเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยและสง่างาม
เป็นเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมร็อคโคและนำเที่ยวชมบรรยากาศยามเย็นของ
เมืองเฟส (Fes) เมืองหลวงเก่าใน
ศ.ต. ที่ 8 ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโมร็อกโก
นำท่านชม เมดินาเมืองเก่าเฟส
ผ่านประตู Bab Bou Jeloud ที่สร้างตั้งแต่ปี 1913 ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง
ในเขตเมดิน่า ซึ่งเป็นเมืองเก่า มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง ร้านค้ามากมาย
มีตรอกซอยต่างๆนับ 10,000 ซอย มีตลาดสด ขายอาหาร และผัก ผลไม้สดต่างๆนาๆ
ชม เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (Merdersa Bou Imania) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์
เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ในเขตเมืองเก่าได้แบ่งออกเป็น
100 ส่วน มีซอยกว่า 10,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง
3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง
ทองแดง ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน
งานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ (Souk El Attarine) แวะชม
สุสานของมูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay
Idriss Mausolem II) ที่ชาวโมร็อกโกถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์
พาท่านไปชม สุเหร่าใหญ่ไคเราวีน
(Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมร็อกโกและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
(เข้าภายในได้เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น) |
เย็น |
บริการอาหารเย็นที่ภัตตาคาร
หลังอาหารพักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พักโรงแรม Pick Albatros
เมืองเฟส หรือระดับ 4 ดาว) |
หมายเหตุ คืนนี้กรุณาจัดเตรียมเสื้อผ้าและของใช้จำเป็น
ใส่กระเป๋าเล็ก เพื่อใช้ในการค้างแรมในทะเลทรายซาฮาร่า ในคืนพรุ่งนี้ |
วันที่สี่
: เฟส - เมดินา เมืองเก่าเฟส - เมืองเมอร์ซูก้า ทะเลทรายซาฮาร่า |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินชมย่านเครื่องหนัง ชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ
ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก้
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอิเฟรน
(Ifrane) ระยะทาง 70 กม. (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20
ชม.) เมืองอิเฟรนเป็นเมืองพักตากอากาศบนความสูงกว่า 1,650
เมตร ซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างเมืองขึ้นบริเวณนี้ เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน
บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้และทะเลสาบสวยงาม จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่
เมืองมิเดลท์ (Midelt) |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคารเมืองมิเดลท์
(Midelt) หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองเมอร์ซูก้า
(Merzouga) เมืองในทะเลทรายซาฮาร่า ระยะทาง 268 กม.
(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ช.ม.) ผ่าน เมืองออร์ฟอย์ด
เมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางกองคาราวานพ่อค้าที่เดินทางมาจากทางตะวันออกกลางอย่างซาอุดิอารเบียและซูดาน
จากนั้นนำท่านนั่งรถจี๊ป 4x4 เดินทางเข้าสู่ ทะลทรายซาฮาร่า
ชมบรรยากาศยามเย็นอันสวยงาม
|
ค่ำ |
บริการอาหารเย็นที่โรงแรม
หลังอาหารพักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พักโรงแรม TOMBOUCTOU HOTEL
ในทะเลทรายซาฮาร่า) |
วันที่ห้า
: เมอร์ซูก้า ขี่อูฐในทะเลทรายซาฮาร่า - ทินเฮียร์ ทอด้าจอร์จ
- วอซาเซท |
เช้า |
ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนำท่าน
ขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทรายซาฮาร่า (ไม่รวมค่าขี่อูฐ
30 USD) ทะเลทรายซาฮาร่า (SAHARA DESERT)
เป็นทะเลทรายที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในโลกคือ มีเนื้อที่ประมาณ
9.3 ล้านตารางกิโลเมตร (ใหญ่เท่าอเมริกาทั้งประเทศ) และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา
ทะเลทรายซาฮาร่ามีสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์
สัตว์ หรือพืชเพราะฝนตกน้อยมากและพื้นที่ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์
ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าในทะเลทรายซาฮาร่า ชมพระอาทิตย์ขึ้นจากเนินทราย
ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจ ได้เวลานำท่านกลับสู่โรงแรม
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม หลังอาหารเดินทางกลับมาขึ้นรถโค้ชคันเดิม
เดินทางต่อไป เมืองทินเฮียร์ แวะชม
โอเอซิส Tinerhir ชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน
ท่ามกลางความแห้งแล้ง ยังมีความชุ่มชื้นของโอเอซิส ต้นปาล์ม
เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซท บนเส้นทางผ่านข้ามเขตแห้งแล้งแต่มีโอเอซิสที่หุบเขาเดดส์
(Dades) ซึ่งแนวเขาและธรรมชาติของหุบเขาที่ถูกกัดกร่อนจากแรงลม
ทำให้หุบเขากลายเป็นรูปร่างต่างๆ สวยงาม จากนั้นเดินทางสู่
เมืองทอด้าจอร์จ ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิสลำน้ำเกลือที่ไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตาเป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักเสี่ยงภัยทั้งหลาย |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารออกเดินทางสู่ เมืองวอซาเซท
(Ouarzazate) เคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1928
ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร
วอซาเซทเป็นเมืองถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอภาพยนตร์
และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นการขี่มอเตอร์ไซด์
อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย (สำหรับในฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ
(พ.ย. เม.ย.) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอเพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาส
ที่มีหิมะปกคลุมในช่วงหน้าหนาว |
ค่ำ |
บริการอาหารเย็นที่โรงแรม
หลังอาหารพักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พักโรงแรม Karam Palace เมืองวอซาเซท
ระดับ 4 ดาว) |
วันที่หก
: วอซาเซท ป้อมทาเริท - มาราเกช - โชว์โมร็อกโก |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำชม ป้อมทาเริท (Kasbah Taourirt)
เป็นป้อมแห่งตระกูลกลาวี ภายใต้หมู่อาคารขนาดใหญ่ ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องต่างๆจำนวนมากซ่อนอยู่เชื่อมต่อกันด้วยถนนเล็กๆ
และเส้นทางลับคดเคี้ยวตามอาคารที่เบียดเสียดกัน ชมลวดลายผนังอาคารและรูปแบบสถาปัตยกรรมอันหลากหลายของการสร้างอาคารของชาวเบอร์เบอร์
การออก แบบอาคารซึ่งเหมาะกับความเชื่อและความเป็นอยู่ของเหล่าเจ้าผู้ปกครอง
ในยุคของตระกูล Glaoui ที่นี่มีคนงานและคนรับใช้จำนวนหลายร้อยคนจึงต้องมีห้องเป็นจำนวนมาก
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองไอท์ เบนฮาดดู
(Ait Benhaddou) เมืองแห่งการถ่ายทำภาพยนต์ มีภาพยนตร์มากกว่า
20 เรื่องที่มาถ่ายทำที่เมืองนี้ ชม ป้อมไอท์
เบนฮาดดู (Kasbash of Ait Ben Hadou) เป็นป้อมที่งดงามและมีความใหญ่ที่สุดในโมรอคโคภาคใต้
เป็นป้อมหินทรายซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่องที่โด่งดังอาทิ
Lawrance of Arabia , Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารออกเดินทางสู่ เมืองมาราเกช
(Marakesh) ชมวิวทิวทัศน์ระหว่างเส้นทาง เมืองมาราเกชเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่ตั้งอยู่เชิงเขาแอตลาส
ในอดีตเมืองมาราเกชเป็นโอเอซิสเป็นที่พักของกองคาราวานอูฐที่มาจากทางตอนใต้ของโมร็อกโก
ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อค้าต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงสมัยราชวงศ์อัลโมราวิด
ช่วงศ.ต.ที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด
สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ
ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink
City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
จึงได้สมญานามว่าเป็น A city of Drama
นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละคร นำท่านเที่ยวชม จัตุรัสกลางเมือง
Djemaa Fnaa Square ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร
ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวา
ที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้ พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝาก
ของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ ได้ที่ ตลาดเก่า
(Old Market) ที่อยู่รายรอบจัตุรัสอย่างเพลิดเพลิน
|
ค่ำ |
บริการอาหารเย็นพร้อมดูโชว์
Fantasia โชว์โมร็อกโก ท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของสถานที่และสีสันของชาวโมรอคกันที่ต้อนรับท่านด้วยอาหารและพร้อมชมการแสดงพื้นเมือง
(พักโรงแรม KECH HOTEL เมืองมาราเกซ ระดับ 4 ดาว) |
วันที่เจ็ด
: มาราเกช สวนจาร์ดิน สวนเมนารา พระราชวังบาเฮีย - คาซาบลังกา
ช้อปปิ้ง |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านไปชม สวนจาร์ดีน มาจอแรล
(Jardin Majorelle) หรือ สวนยิปแซงลอเร้นซ์
(Yves Saint Laurent Gardens) ชมสวนที่ถูกออกแบบโดยใช้สีฟ้า
และสีส้มเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสา แจกัน และชมนานาพรรณของต้นไม้แห่งทะเลทราย
จากนั้นนำท่านชม มัสยิด คูตูเบีย
(Koutoubia Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมือง
ไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ จากหอวังที่มีความสูง
226 ฟิต (70 เมตร) จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมชม สวนเมนารา
(Menara Garden) ซึ่งแต่เดิมสร้างเป็นบ่อเก็บน้ำ และล้อมรอบด้วยต้นมะกอกและสน
มีตัวอาคารที่งดงามและเทือกเขาแอตลาสเป็นฉากหลัง เป็นสวนต้นแบบที่ราชวงศ์โมรอคโคนิยมกันในเวลาต่อมา
นำท่านเยี่ยมชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia
Palace) เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต
สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกเป็นแนวสมัยใหม่
โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น
พระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น (Stucco) มีการวาดลายบนไม้
และประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารเดินทางสู่ เมืองคาซาบลังกา
(ระยะทาง 237 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชม.) คาซาบลังก้า
หมายถึง บ้านสีขาว เมืองที่คนทั่วโลกรู้จัก เพราะนอกจากจะเป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานระหว่างประเทศแล้ว
ยังถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง Casablanca (โดยที่ไม่ได้ถ่ายทำในคาซาบลังก้าเลย)
เป็นเรื่องราวความรักระหว่างนายทหารอเมริกันและหญิงคนรัก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่
2 ทำให้คาซาบลังก้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และปัจจุบันเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของโมร็อกโกที่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณเกือบ
5 ล้านคน
นำท่านเที่ยวชม โบถส์ชาวยิว
(The Church of our ladies of Lourdes) ภายในมีภาพกระจกสีสวยงามแสดงเรื่องราวต่างๆ
เกี่ยวกับศาสนา ชม จัตุรัสสหประชาชาติ
ซึ่งเป็นใจกลางเมืองย่านธุรกิจสำคัญ
นำท่านช้อปปิ้งหาซื้อของฝากก่อนกลับบ้านที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต |
เย็น |
บริการอาหารเย็นที่โรงแรม
หลังอาหารพักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พักโรงแรม Golden Tulip Farah
เมืองคาซาบลังกา หรือระดับ 5 ดาว) |
วันที่แปด
: คาซาบลังกา สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่ 2 - กรุงโดฮา - กรุงเทพฯ |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านชม สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่
2 มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองเมกกะ สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโคทุกแขนง
ชมทิวทัศน์รอบๆ สุเหร่าอันเป็นจุดชมวิวริมฝั่งทะเล ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงามของชาวโมรอคโคที่ชอบมาเดินเล่นหลังจากปฏิบัติศาสนกิจ
(ชมภายนอกสุเหร่า) จากนั้นออกเดินทางสู่ สนามบินเมืองคาซาบลังกา
|
14.45
น. |
ออกเดินทางกลับสู่
กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ โดย
สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR1396 |
23.59
น. |
ถึง สนามบินกรุงโดฮา
รอต่อเครื่องเพื่อเดินทางต่อกลับกรุงเทพฯ |
วันที่เก้า
: สนามบินสุวรรณภูมิ |
01.40
น. |
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ
โดย สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์
เที่ยวบินที่ QR 834 |
12.45
น. |
ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ
โดยสวัสดิภาพ |