|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สถูปสวะยัมภูนาถ ประเทศเนปาล |
•
หุบเขากาฐมาณฑุ ตั้งอยู่ที่ความสูง
1,336 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และมีพื้นที่ 218 ตารางไมล์
หุบเขากาฐมาณฑุนั้นเป็นที่รวบรวมมรดกทางวัฒนธรรมของเนปาลเอาไว้
เนื่องจากหุบเขาแห่งนี้เป็นแหล่งวัฒนธรรมเนวารีโบราณ ชนเผ่าเนวาร์อาศัยอยู่ที่หุบเขาแห่งนี้ได้สร้างอารยธรรมที่สำคัญขึ้นบน
3 เมือง ซึ่งได้แก่ กรุงกาฐมาณฑุ ปะฏัน และภักตะปุร์ ความสำเร็จทางด้านศิลปะของชาวเนวาร์
ได้แก่ วัดและปราสาทที่สร้างขึ้นด้วยฝีมืออันประณีต ฝีมือแกะรูปสลักหินและโลหะที่ละเอียดอ่อน
เสาไม้แกะสลัก และโบสถ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
• กรุงกาฐมาณฑุ
• ธาเมล (Thamell) เป็นศูนย์กลางความเจริญของกรุงกาฐมาณฑุ
สองข้างทางเต็มไปด้วยบริษัททัวร์ต่างๆ โรงแรมที่พักราคาถูก
ร้านอาหารนานาชาติ ร้านขายของ ร้านอิเตอร์เน็ต ฯลฯ จึงเป็นจุดพักของนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางมาถึงเนปาลเพื่อการวางแผนท่องเที่ยวในที่ต่างๆ
นอกจากนี้ย่านธาเมลยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ขึ้นชื่อ โดยเฉพาะสินค้าจำพวกหัตถกรรมพื้นเมือง
เครื่องประดับที่ทำจากหินต่างๆ และอุกรณ์สำหรับการเดินป่า
ลักษณะคล้ายกับถนนข้าวสารของเมืองไทย
• วัดมัจเฉนทรนาถ (Machchhendranath
Temple) วัดสเวตามัจเฉนทรนาถ (Sweta Machchhendranath)
อยู่ที่มัจเฉนทระ พาฮาล (Machchhendranath Bahal) วัดนี้ขึ้นชื่อเรื่องเจดีย์ที่มีความงดงามทางศิลปะโดยมีเทพผู้ปกปักรักษาวัดนี้ชื่อว่า
ชันมัทโย (Janmadyo) หรือมัจเฉนทระ (Machchhendra)
• พระราชวังหนุมานโธกา (Hanuman Dhoka
Palace or Royal Palace) เป็นอาคารแบบยุโรปสีขาว
มีหอสูง 9 ชั้นที่เรียกว่า หอพะสันตะปุร์ (Basantapur Tower)
พระราชวังนี้ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมอันสำคัญในราชวงศ์
• จัตุรัสกาฐมาณฑุ ดูร์บาร์ (Kathmandu
Durbar Squrare) จัตุรัสกาฐมาณฑุ ดูร์บาร์ แห่งนี้ประกอบไปด้วยวัดและปราสาทที่เก่าแก่
ซึ่งแสดงภาพความเจริญรุ่งเรืองทางด้านศาสนาและวัฒนธรรมของชาวเนปาล
เนื่องจากเป็นสถานที่ราชาภิเษกขึ้นครองราชย์ สถานที่น่าสนใจที่ควรไปชม
ได้แก่ วัดตะเลชุ สร้างโดยกษัตริย์มเหนทรา
มัลละ (King Mahendra Malla) ในปี พ.ศ. 2092 และจัตุรัสแห่งนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปีพ.ศ.
2522
• หนุมานโธกา (Hanuman Dhoka) รูปปั้นหนุมานตั้งบนแท่นสูงตรงประตูพระราชวัง
มีประชาชนมาสักการะอยู่เสมอเสมือนเทพองค์หนึ่ง
• วัดกุมารี หรือกุมารี ฆระ (Temple
of Kumari or Kumari Ghar) ที่พำนักของเทพธิดากุมารี
(ตามความเชื่อของชาวเนปาลนั้น กุมารีคือตัวแทนแห่งพระอุมาเทวี
เป็นเทพบริสุทธิ์ที่ถือกำเนิดโลกมนุษย์ ซึ่งผ่านการคัดเลือกมาจากเด็กหญิงอายุ
3-5 ปีจากตระกูลศากยะหรือตระกูลของพระพุทธเจ้าเท่านั้น การเลือกนั้นพิจารณาหลายอย่างสิ่งประกอบกัน
ทั้งยังต้องผ่านการทดสอบและตรวจดวงชะตาจนครบถ้วน เมื่อเสร็จพิธีการจะได้รับการอันเชิญไปพำนักที่วังกุมารีเป็นการถาวร
จนกว่าจะมีรอบเดือนหรือมีเลือดออกจากเหตุการณ์ใดๆ ก็ตาม
นับเป็นการสิ้นสุดภารกิจการดำรงตำแหน่งกุมารี ชาวเนปาลนับถือกุมารีดุจเทพเจ้าและมักจะขอพรให้ประสบความสำเร็จ
กุมารีมีหน้าที่ทำพิธีบูชาเทพธิดาแห่งเตาไฟ หรือเทพธิดาแห่งการดำรงชีพ
(Living Goddess) ซึ่งถือเป็นเทพธิดาในยุคโบราณของศาสนาฮินดูในเนปาลที่เรียกขานกันว่า
ตะเลชุ (Taleju) วัดกุมารี ตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังหนุมานโธกา
ตัวอาคารจะเป็นตึก 3 ชั้น มีระเบียงและบานหน้าต่างที่เป็นไม้แกะสลักด้วยฝีมือที่แสนจะปราณีตสวยงามมาก
กุมารีจะกล่าวคำทักทายกับผู้คนทั่วไปจากระเบียงหน้าต่างของเธอ
และในช่วงเทศกาลอินทรา ยาตราที่เวียนมาปีละครั้งกษัตริย์เนปาลจะมาหากุมารีเพื่อรับพรจากเธอ
• กาฐมาณฑป (Kasthamandap) เป็นอาคารไม้เก่าแก่ที่สุด
และเป็นกำเนิดของชื่อเมืองกาฐมาณฑุ ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้กับวัดกุมารี
กล่าวกันว่าสถานที่นี้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ลักษมีนาสิงห์
มัลละ (King Laxmi Narsingha Malla) ในตอนต้นศตวรรษที่ 16
และสร้างจากต้นสาละเพียงต้นเดียว
• กาฬ ไภราพ (Kala Bhairab) รูปสลักขนาดใหญ่ของพระอิศวรปางดุร้าย
เดิมทีนั้นพบที่ทุ่งนาตอนเหนือของตัวเมืองในศตวรรษที่ 18
เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ส่วนมากจะใช้ตัดสินคดีความโดยจะนำคนที่พุดเท็จมาสาบานต่อหน้ารูปสลักแห่งนี้
• วัดตะเลชุ (Taleju Temple) วัดประจำองค์พระมหากษัตริย์
เนื่องจากมีความเชื่อว่าเทพตะเลชุคือเทพที่ปกปักรักษาองค์พระมหากษัตริย์และประเทศเนปาล
• อโศก วินายัก (Ashok Vinayak) แม้จะเป็นวัดเล็กๆ
แต่ก็มีความสำคัญมาก ตั้งอยู่หลังกาฐมาณฑป ซึ่งเรียกขานกันอีกชื่อหนึ่งว่า
กาฐมาณฑุ คเณศ (Kasthamandap Ganesh) หรือมารุ คเณศ (Maru
Ganesh)
• ชัยศิ เทวัล (Jaishi Dewal) วัดชัยศิเทวัลแห่งองคืพระศิวะ
(Shiva Temple of Jaishi Dewal) นี้มีชื่อเสียงในด้านภาพสลักแนวอีโรติกและยังเป็นเส้นทางผ่านของขบวนแห่ราชรถในเทศกาลอินทรา
ยาตรา และเทศกาลอินทรา ยาตรา และเทศกาลอื่นเนืองๆ
• ตุนทิเขล (Tundikhel) สนามหญ้าอันกว้างใหญ่แห่งนี้กินพื้นที่ด้านหนึ่งของตัวเมืองมีสถานที่สำคัญของหุบเขากาฐมาณฑุหลายแห่งตั้งอยู่ในบริเวณนี้
ทางตะวันตกสุดเขตของตุลทิเขลนั้นมีอาคารสูง 59.29 เมตร สร้างโดยนายกรัฐมนตรีภีมเสน
ธาปา (Bhimsen Thapa) ในปีพ.ศ. 2375 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ
ธาราฮารา หรือภีมเสน สะตัมภะ (Dharahara or Bhimsen Stambha)
มีน้ำพุสุนธระ (Sundhara Fountain) ท่อพ่นน้ำสีทองซึ่งตั้งอยู่ด้านล่างของอาคารแห่งนี้ก็ถูกสร้างขึ้นในช่วงปีเดียวกับอาคารนี้
• ประตูแห่งความทรงจำของผู้ที่ยึดมั่นในศาสนา
หรือประตูชาฮิด (Martyr’s Memorial Gates or Sahid
Gates) ตั้งอยู่ระหว่างภีมเสนสะตัมภะ และวัดภัทระกาลี ส่วนโค้งเหนือประตูนี้มีรูปปั้นของพระมหากษัตริย์ซึ่งมีพระนามว่าตริภูวัน
พีร์ พิกรม ชาห์ เทพ (King Tribhuvan Bir Bikram Shah Dev)
และรูปปั้นครึ่งตัวของผู้ยึดมั่นศาสนาทั้ง 4 คน
• วัดภัทระกาลี (Bhadrakali Temple)
ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของตุนทิเขลใกล้ๆ กับประตูชาฮิด
เป็นวัดแห่งเทพธิดาภัทระกาลีวัดนี้มีชื่อที่เรียกขานกันทั่วไปว่า
วัดลุมาร์หิ (Lumarhi) และยังเป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองกาฐมาณฑุอีกด้วย
• สิงหะ ดูร์บาร์ (Singha Durbar)
เป็นปราสาทที่ยิ่งใหญ่ตระการ สร้างขึ้นในรูปแบบ นีโอ-คลาสลิก
สิงห์ ดูร์บาร์แห่งนี้เป็นสถานที่ส่วนบุคคลของอดีตนายกรัฐมนตรีรานา
(Prime Minister Rana) ในปัจจุบันสถานที่นี้ได้กลายเป็นสำนักงานเลขาธิการของรัฐบาลในพระมหากษัตริย์แห่งเนปาล
• นารายัณหิตี ดูร์บาร์ (Narayanhity
Durbar หรือ Narayanhiti Royal Palalace) พระราชวังหลวงปัจจุบัน
มีน้ำพุที่เก่าแก่และทรงคุณค่าทางประวัติศาตริย์ชื่อ นารายัณหิตี
ตั้งอยู่ที่ส่วนด้านใต้ของพระราชวัง สามารถเข้าเยี่ยมชมพระราชวังนี้ได้เฉพาะวันพฤหัสบดี
เวลา 13.00-15.00 น.
• หอสมุดไกเซอร์ (Kaiser Library)
ตั้งอยู่ในกระศึกษาธิการ บริเวณไกเซอร์มาฮาล (Kaiser Mahal)
ในย่านธาเมล หอสมุดไกสาร์แห่งนี้เป็นหอสมุดที่เก็บรวบรวมหนังสือหายากและคัมภีร์ต่างๆ
สามารถเข้าใช้ได้ทุกวันยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการต่างๆ
เปิดทำการตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ในฤดูร้อน และเวลา
09.00-16.00 น. ในฤดูหนาว (15 ธันวาคม-15 กุมภาพันธ์) สอบถามเพิ่มเติมที่
441318
• พุทธนิลกัณฐะ (Budhanikantha) ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปประมาณ
8 กิโลเมตร ฐานของเขาศิวะปุรี (Shivapuri Hill) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปสลักหินของพระวิษณุ
(Lord Vishnu) ในท่านอนที่เต็มไปด้วยงูกลางเกษียรสมุทร จัดได้ว่าเป็นงานแกะสลักหินฝีมือเยี่ยมในยุคลิจฉวี
(Lichchhavi period) รูปสลักอายุกว่า 5 ศตวรรษนี้ตั้งอยู่ตรงกลางของสระน้ำเล็กๆ
ทำให้ดูเหมือนลอยอยู่เหนือน้ำ
• สวนน้ำพาลาชุ (Balaju Water Gardens)
ห่างจากกาฐมาณฑุไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร
สวนน้ำแห่งนี้มีน้ำพุที่ประกอไปด้วยหัวจระเข้ 22 หัว สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่
18 นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ภายในสวนอีกด้วย
• สถูปสวะยัมภูนาถ (Swayambhunath)
หรือวัดลิง เป็นเจดีย์ของชาวพุทธ (Buddhist Chaityas)
ที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก กล่าวกันว่าน่าจะมีอายุถึง 2,000
ปีเลยทีเดียว สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้ามานะเทวะ ในปีพ.ศ.
936 สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดคือ ส่วนตรงฐานของสถูปซึ่งมีดวงตาเห็นธรรม
หรือ Wisdom Eyes ของพระพุทธเจ้าอยู่โดยรอบทั้ง 4 ด้าน ตั้งอยู่บนยอดเขาห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันตก
3 กิโลเมตร ตัวสถูปตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ประมาณ 77 เมตร
เหนือระดับน้ำทะเลของหุบเขากาฐมาณฑุ จึงทำให้ทิวทัศน์เหนือหุบเขาที่แสนงดงาม
สถูปแห่งนี้เป็นสถูปที่เก่าแก่ที่สุดของเนปาล อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีการผสมผสานระหว่างศาสนาพุทธกับฮินดู
โดยองค์การยูเนสโกได้ทำการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีพ.ศ.
2522
• พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (Nation Museum)
ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันตก 2 กิโลเมตร
พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินี้เป็นที่รวบรวมอาวุธและสิ่งประดิษฐ์ที่วิจิตรประณีตของเนปาลไว้ตั้งแต่ยุคโบราณ
ยุคกลาง จนกระทั่งปัจจุบัน โดยการจัดแสดงทางโบราณคดีและทางประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นับว่าคุ้มค่ากับการเข้าชมเป็นอย่างมาก
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้นับว่าคุ้มค่ากับการเข้าชมเป็นอย่างมาก
พิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันอังคารและวันหยุดราชการฤดูร้อน
เปิดเวลา 09.00-16.00 น. ฤดูหนาวเปิดเวลา 09.30-15.00 น.
• พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
(Natural History Museum) ตั้งอยู่หลังเนินเขาสวะยัมภูนาถ
ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 กิโลเมตร พิพิธภัณฑุนี้เป็นแหล่งรวบรวมสัตว์ต่างๆ
อาทิ ผีเสื้อ ปลา สัตว์เลื้อยคลาน นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ต้นไม้ และซากฟอสซิลหลากหลาย ที่มีการเก็บรวบรวมมาจากทั่วประเทศ
แต่ไม่สามารถถ่ายรูปในพิพิธภัณฑ์ได้ พิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้เข้าชมทุกวันยกเว้นวันเสาร์และวันหยุดราชการ
เวลา 10.00-17.00 น. สอบถามได้ที่โทรศัพท์ 4271899
• วัดปศุปฏินาถ (Pashupatinath Temple)
ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันออกประมาณ
5 กิโลเมตร ตัววัดสร้างขึ้นมาในสมัยกษัตริย์แห่งราชวงศ์มลละ
เพื่อถวายแด่พระศิวะในภาคขององค์ปศุปฏินาถ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำพัคมาตี
(Bagmati River) ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์เปรียบเทียบเสมือนแม่น้ำคงคาแห่งเมืองพาราณสี
ประเทศอินเดีย เพราะแม่น้ำสายนี้จะไหลไปรวมกับแม่น้ำคงคานั้นเอง
• วัดนี้มีหลังคาทำด้วยทองซ้อนกัน 2 ชั้น และประตูเงิน ซึ่งถือว่าเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดวัดหนึ่งในศาสนาฮินดูของเนปาล
ถึงแม้ผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูเท่านั้นจึงมีสิทธิเข้าไปภายในวัดแห่งนี้
แต่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมตัววัดและดูกิจกรรมที่มีขึ้นภายในอาณาเขตของวัดได้ชัดเจนจากบนฝั่งด้านตะวันออกของแม่น้ำพัคมาตี
โดยที่องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนวัดแห่งนี้เป็นมรดกโลกแล้วในปีพ.ศ.
2522 วัดนี้มีความสำคัญในช่วงเทศกาลศิวะราตรี
• ฉพะหิล (Chabahil) เชื่อกันว่าสถูปแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่
3 ก่อนคริสต์ศักราช โดยจารุมะติ (Chandra Vinayak) ซึ่งเป็นธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช
นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นโบราณอยู่รอบๆ สถูปด้วย
• จันทระ วินายัก (Chandra Vinayak)
วัดนี้ตั้งอยู่ห่างจากสถูปฉพะหิลไปทางทิศเหนือประมาณ
200 เมตร วัดแห่งนี้มีหลังคา 2 ชั้น ทำด้วยทองเหลือง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระคเณศ
(Lord Ganesh) |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|