อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอโขงเจียม
จังหวัดอุบลราชธานี สภาพ พื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบสูงเป็นเขาเตี้ยๆ
มีแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงไหลผ่านตามแนวเขตทางด้านทิศเหนือไปออกประเทศสาธารณรัฐประชาชนลาว
บริเวณแก่งตะนะจะมีสายน้ำที่เชี่ยวและลึก อีกทั้งยังมีถ้ำใต้น้ำหลายแห่ง
จึงทำให้มีปลาอาศัยอยู่ชุกชุม ตรงกลางมีโขดหินขนาดใหญ่เป็นเกาะกลาง
มีเนื้อที่ประมาณ 80 ตารางกิโลเมตร หรือ 50,000 ไร่
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบ เป็นเขาเตี้ย ๆ มีแม่น้ำมูล
แม่น้ำโขง ไหลผ่าน ความสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 200 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ยอดเขาที่สูงที่สุดคือ ยอดเขาบรรทัด สูงประมาณ 543 เมตร สภาพป่าทั่วไปเป็นป่าแพะหรือป่าแดง
จะมีป่าดิบเฉพาะบริเวณริมห้วยใหญ่เท่านั้น สภาพพื้นที่ส่วนมากเป็นหินทรายและพื้นที่ศิลา
ส่วนดินเป็นดินลูกรัง ดินบรบือ และดินตะกอน
ลักษณะภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิอากาศจัดอยู่ในเขตลมมรสุม แต่เนื่องจากอยู่ใกล้แม่น้ำสำคัญสายใหญ่
2 สาย คือ แม่น้ำมูล และแม่น้ำโขง อากาศจึงแตกต่างจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั่วไป
คือ ฤดูร้อน อากาศจะไม่ร้อนจนเกินไป อยู่ในราว 25-29 องซาเซลเซียส
ฤดูหนาว ไม่หนาวจัด ส่วนฤดูฝน ฝนตกค่อนข้างชุก ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม
สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ในฤดูฝนและฤดูหนาวจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมแม่น้ำมูล
แม่น้ำโขงและน้ำตกต่าง ๆ ส่วนในปลายฤดูหนาวและฤดูร้อน นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมแก่งต่างๆ
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าแพะและป่าแดง มีไม้เต็ง รัง เหียง
พลวง ฯลฯ ซึ่งมีลักษณะแคระแกรน นอกจากนี้ยังพบป่าเป็นสภาพป่าดิบแล้งบ้างตามบริเวณลำห้วยใหญ่
ๆ และบนดอยตะนะ พรรณไม้ที่ขึ้นอยู่ ได้แก่ ไม้ประดู่ แดง หว้า
สัก ยาง นอกนั้นมีทุ่งหญ้าอยู่บ้างเป็นหย่อม ๆ ไม้พื้นล่างมีพวกไม้ไผ่
และไม้เถาอื่น ๆ ขึ้นอยู่ทั่วไป
สัตว์ป่าที่พบเห็นประกอบไปด้วย หมูป่า เก้ง อีเห็น ชะมด ลิง
ชะนี นกชนิดต่างๆ และปลาชนิดต่าง
แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม
ดอนตะนะ เป็นดอนดินที่เกิดขึ้นขวางแม่น้ำมูล
และแบ่งแม่น้ำมูลออกเป็นสองสาย มีความกว้างประมาณ 450 เมตร
ยาวประมาณ 700 เมตร ทางตอนเหนือของดอนตะนะมีหาดทรายเหมาะแก่การ
พักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง บนดอนตะนะยังมีป่าอยู่ทั่วไป สภาพเป็นป่าดิบแล้ง
มีไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นและมีป่าสักตามธรรมชาติ
แก่งตะนะ ลำน้ำมูลเมื่อไหลอ้อมดอนตะนะทั้งสองด้านแล้ว
จะไหลลงมาทางแก่งตะนะ กลางแก่งตะนะมีโขดหินมหึมาเป็นเกาะกลางลำน้ำมูล
จากทั้งสองที่เชี่ยวกรากจะกัดเซาะลงในแนวโขดหินสูงราว 1 เมตร
บ้างก็ไหลซอกซอนไปตามร่องหินและลานหินริมฝั่งมูล ถ้าสังเกตเกาะกลางแก่งตะนะจะเห็นสิ่งก่อสร้างรูปสี่เหลี่ยม
ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยฝรั่งเศสยังล่าอาณานิคมเพื่อใช้เป็นเครื่องชี้ร่องน้ำในการเดินเรือ
บริเวณแก่งตะนะจะมีสายน้ำที่เชี่ยวและลึกทั้งยังมีถ้ำใต้น้ำอีกหลายแห่ง
จึงทำให้ปลาบริเวณแก่งตะนะชุกชุม
แก่งคันเหว่ ประกอบด้วยแนวหินยาวประมาณ
1 กิโลเมตร กว้างราว 300 เมตร และยังมีหาดทรายตามแก่งหิน ประกอบด้วยโขดหินใหญ่น้อย
เกลี้ยงเกลา มีหลุมยุบและรอยแหว่งเว้าปรากฏอยู่ทั่วไป ในเดือนธันวาคมลำน้ำมูลจะเอ่อไหลตามแก่งหินอย่างเชี่ยวกรากทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงาม
น้ำตกตาดโตน เป็นน้ำตกที่ตกจากชั้นหิน
ที่มีแนวโค้งคล้ายจอภาพยนตร์ อยู่บริเวณห้วยตาดโตน
น้ำตกและบึงห้วยหมาก อยู่บริเวณเหนือบ้านห้วยหมาก
เป็นบึงใหญ่มีน้ำนิ่ง และไหลตกเป็นทางยาวลงมาบนชั้นหินที่ซ้อนเหลื่อมล้ำเป็นแนวทอดต่ำลงมา
น้ำตกห้วยกว้าง อยู่ใกล้เขตสุขาภิบาลอำเภอโขงเจียม
มีน้ำตกลงไปตามซอกหินเป็นชั้นลดหลั่นลงมา
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก
อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
มีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยว และได้จัดสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว
การเดินทาง
รถยนต์ อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ อยู่ห่างจากจังหวัดอุบลราชธานี
ประมาณ 90 กิโลเมตรและสามารถเดินทางมาได้ 2 เส้นทาง คือ
แก่งตะนะฝั่งขวาไปทางอำเภอวารินชำราบทางหลวงหมายเลข 217
ผ่านอำเภอวารินชำราบถึงอำเภอพิบูลมังสาหาร แยกเข้าทางหลวงหมายเลข
2173 ไปสู่ช่องเม็กถึงหลักกิโลเมตรที่ 73 บ้านคำเขื่อนแก้ว
เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2296 สุดทางจะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ
แก่งตะนะ หรือแก่งตะนะฝั่งขวา ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร
แก่งตะนะฝั่งซ้าย เส้นทางเดียวกับเส้นทางแรก เมื่อถึงอำเภอพิบูลมังสาหารเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานพิบูลมังสาหาร
200 ปี ไปตามเส้นทางโขงเจียม ก่อนถึงโขงเจียม 4 กิโลเมตร จะมีทางแยกเลี้ยวขวาเข้าไปยังแก่งตะนะฝั่งซ้ายได้
ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร
สถานที่ติดต่อ
อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ตู้ ปณ. 6045 อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
64220 โทรศัพท์ : 0 - 4544 2002 |