อำเภอวังทอง
วัดราชคีรีหิรัญยาราม
ตั้งอยู่ที่บ้านสมอแคลง ในเขตอำเภอวังทอง
เดินทางจากตัวเมืองพิษณุโลกไปตามทางหมายเลข 12 (เส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก)
ประมาณ 14 กิโลเมตร (ก่อนถึงอำเภอวังทอง 3 กิโลเมตร) มีทางแยกซ้ายไปอีก
511 เมตร บนเขาสมอแคลงมีสระน้ำเรียกว่า สระสองพี่น้องมีน้ำตลอดปี
คนโบราณจึงได้สร้างวัดไว้ถึง 7 วัด แต่บัดนี้ร้างไปหมดแล้ว
สำหรับวัดราชคีรีหิรัญยารามหรือวัดพระพุทธบาทเขาสมอแคลงนี้
เดิมเป็นวัดร้าง และมีพระสงฆ์มาจำพรรษาเพื่อ พ.ศ. 2496 ในบริเวณวัดมีรอยพระพุทธบาทจำลอง
และบนเขาซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของวัดมีรอยพระบาทตะแคงอยู่กับหน้าผา
มีงานนมัสการพระพุทธบาทในกลางเดือน 3 เป็นประจำทุกปี
เมื่อประมาณต้นปี
พ.ศ. 2535 ได้มีการอัญเชิญพระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งแกะสลักจากหินทะเลสาบหยกขาวจากเมืองหางโจว
ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นปางพิเศษที่ได้รับอนุมัติให้สร้างโดยรัฐบาลจีนโดยใช้ต้นแบบจากวัดเจ้าแม่กวนอิมพันมือเมืองหางโจว
มีขนาดสูง 3 เมตร หนัก 3 ตัน มาประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้
น้ำตกวังนกแอ่นหรือสวนรุกชาติสกุโณทยาน
ตั้งอยู่ที่บริเวณ กม. 33 ทางหลวงหมายเลข
12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) แยกขวาไปอีก 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กในลำธารวังทอง
อันมีต้นกำเนิดมาจากลำน้ำเข็ก บริเวณทั่วไปร่มรื่นด้วยพรรณไม้ต่าง
ๆ มีป้ายชื่อต้นไม้กำกับไว้ ด้านทิศตะวันตกมีพลับพลาสร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คราวเสด็จประพาสภาคเหนือ
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2511 ด้านทิศตะวันออกมีศาลาริมน้ำ
ใช้เป็นที่ประทับทอดพระเตนรทิวทัศน์สองฝั่งลำน้ำวังทอง ก่อนถึงตัวน้ำตก
511 เมตรมีป้ายบอกทางเลี้ยวขวาไปยังแก่งไทร ซึ่งเป็นแก่งหินคั่นกลางลำน้ำเป็นขั้น
ๆ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ
น้ำตกแก่งซอง
อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 12 กม.45 มีขนาดใหญ่กว่าน้ำตกสกุโณทยาน
มีร้านค้า บ้านเรือนต่าง ๆ ตั้งอยู่ริมน้ำตก
น้ำตกปอย
ระหว่าง กม. ที่ 59-61 ทางหลวงหมายเลข 12
มีทางแยกไปน้ำตกปอยอีก 2 กิโลเมตร บริเวณสวนป่ากระยาง ในความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
เป็นน้ำตกที่มีทัศนียภาพสวยงาม สภาพโดยรอบร่มรื่นเหมาะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
น้ำตกแก่งโสภา
เส้นทางพิษณุโลก-หล่มสัก อยู่บริเวณกม.ที่
71-72 มีทางแยกเข้าไป 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ในลำน้ำเข็ก
มีความสูงราว 41 เมตร สภาพโดยรอบร่มรื่น ตอนบนเป็นแผ่นหินเรียบ
ส่วนตอนล่างเป็นโขดหินใหญ่ ในช่วงฤดูน้ำหลากสายน้ำจะไหลเชี่ยวกราก
ส่วนในช่วงที่น้ำน้อยจะแลเห็นน้ำตกไหลลดหลั่นเป็นชั้นต่าง
ๆ 3 ชั้น ค่าธรรมเนียมเข้าชมสำหรับชาวไทยคนละ 11 บาท
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
มีพื้นที่ 789,111 ไร่ ในท้องที่จังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์
ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2518 สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน
เป็นต้นน้ำลำธารหลายสายที่ไหลลงสู่แม่น้ำน่าน ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่
กม. 81 เส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก นักท่องเที่ยวสามารถขอข้อมูลเดินทางศึกษาธรรมชาติ
รวมทั้งใช้บริการที่พักและกางเต็นท์พักแรมได้
แหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ
ได้แก่ น้ำตกต่าง ๆ บนเส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก เช่นน้ำตกแก่งโสภา
น้ำตกวังนกแอ่น ส่วนพื้นที่ทางด้านตะวันออกและตอนกลางของอุทยานฯ
ในเขตอ.เขาค้อ จ,เพชรบูรณ์ เป็นบริเวณป่าสนและทุ่งหญ้าสะวันนา
ได้แก่ ทุ่งแสลงหลวง ทุ่งพญา ทุ่งโนนสน ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปเดินป่าและกางเต็นท์พักแรม
สามารถติดต่อได้ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สล.8 (หน่วยฯหนองแม่นา)
การเดินทางไปหน่วยฯ
หนองแม่นา
รถส่วนบุคคล
จากบ้านแค้มป์สนที่ กม.111 เส้นทางพิษณุโลก-หล่มสัก แยกไปตามทาง
2196 ทางไปเขาค้อ จนถึงตลาดพัฒนา เลี้ยวขวาเข้าทาง 2325
จนถึงบ้านทานตะวัน มีทางไปหน่วยจัดการอุทยานฯ (หนองแม่นา)
อีก 3 กิโลเมตร รวมระยะทางจากบ้านแค้มป์สน 35 กิโลเมตร
รถโดยสาร
จากสถานีขนส่งพิษณุโลกโดยสารรถประจำทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก
ลงรถที่บ้านแค้มป์สน (กม.111) จากนั้นจ้างเหมารถสองแถวที่ปากทางแค้มป์สนไปยังหน่วยฯหนองแม่นา
หรือเช่ารถสองแถวจากบริษัทรถเช่าในพิษณุโลกไปยังหน่วยฯหนองแม่นาเลยก็ได้
อำเภอเนินมะปราง
ถ้ำบ้านมุง
บ้านมุงถือเป็นดินแดนแห่งถ้ำอย่างแท้จริง
ภูมิประเทศบ้านมุง ภูมิประเทศเป็นเทือกเขาหินปูนสลับซับซ้อน
ยอดตะปุ่มตะป่ำดูแปลกตา เกิดถ้ำน้อยใหญ่มากมาย ผู้ที่มาเที่ยวถ้ำที่บ้านมุงควรแวะมาที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ
สล.6 ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำเดือนถ้ำดาวก่อน เพื่อขอคำแนะนำในการเที่ยวถ้ำต่าง
ๆ จากเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย
ถ้ำเดือน-ถ้ำดาว
เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
ทางด้านทิศตะวันตก ในความดูแลของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สล.6
บ้านมุง มีลักษณะเป็นถ้ำน้ำลอด ทางขึ้นปากถ้ำเป็นธารน้ำไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่ซึ่งต้องปีนป่ายขึ้นไป
ในถ้ำมีลักษณะคล้ายห้องโถงที่มีธารน้ำไหลผ่าน มีความยาว
1.4 กิโลเมตร สวยงามด้วยหินงอกหินย้อย ช่วงที่เหมาะแก่การชมถ้ำคือ
ในช่วงฤดูแล้ง และต้องนำไฟฉายติดตัวไปด้วย ช่วงฤดูฝนไม่เหมาะแก่การเที่ยวชมเนื่องจากปริมาณน้ำมากและอันตราย
การเดินทาง จากตัวเมืองใช้เส้นทางหมายเลข 12 พิษณุโลก-วังทอง
แยกขวาเข้าทางหลวงสาย 11 ไปสากเหล็ก และแยกซ้าย 1115 ไปตัวอำเภอเนินมะปราง
และเดินทางต่ออีก 6 กิโลเมตรถึงบริเวณถ้ำ รวมระยะทางห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก
85 กิโลเมตร
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล
ครอบคลุมเนื้อที่ 1,775 ไร่ ในท้องที่อำเภอเนินมะปราง
ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 85 กิโลเมตร การเดินทางเริ่มจากตัวเมืองพิษณุโลกไปตามทางหลวงหมายเลข
12 ถึงอำเภอวังทองระยะทาง 21 กิโลเมตร แยกขวาไปยังอำเภอสากเหล็กอีก
38 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 11 แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวง
1115 อีก 17 กิโลเมตร ถึงโรงเรียนเนินมะปรางศึกษาวิทยา (ก่อนถึงตัวอำเภอ
2 กิโลเมตร) มีแยกขวาไปถ้ำผาท่าพลอีก 11 กิโลเมตร เส้นทางบางช่วงเป็นทางลูกรัง
ในฤดูฝนควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ
พื้นที่บริเวณนี้เป็นภูเขาหินปูน
ยอดสูงสุด 236 เมตร มีหน้าผาสูงชันเว้าแหว่ง อันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนนับหลายล้านปี
เกิดเป็นถ้ำต่าง ๆ มากมายทั่วบริเวณ ได้แก่ ถ้ำนเรศวร ถ้ำเรือ
ที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ถ้ำลอด ซึ่งสามารถเดินทะลุไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขาได้
นอกจากนี้ยังพบซากดึกดำบรรพ์ของหอยและปะการัง เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นท้องทะเลมาก่อน
และยังมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์รูปมือคนบนเพิงผาหิน
และอักษรญี่ปุ่นโบราณสลักบนก้อนหิน พรรณไม้และร่องรอยสัตว์ป่าต่าง
ๆ ที่มักพบระหว่างทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ เหมาะแก่การทัศนศึกษาเชิงนิเวศ
นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อขอข้อมูลได้เจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางมาถึงยังสำนักงานเขต
การเที่ยวชมถ้ำต่าง ๆ ต้องนำไฟฉายติดตัวมาด้วย ในช่วงฤดูฝนถ้ำบางแห่งไม่สามารถเข้าชมได้เนื่องจากมีน้ำท่วมพื้นถ้ำ
หากต้องการพักค้างแรมหรือทัศนศึกษาเป็นหมู่คณะติดต่อล่วงหน้าได้ที่
สำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล หมู่ 6 ต.บ้านมุง
อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก 65191
อำเภอนครไทย
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัดคือ พิษณุโลก
เพชรบูรณ์ และเลย ครอบคลุมพื้นที่ 191,875 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานฯ
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2527 ภูหินร่องกล้ามียอดเขาสูง 1,617
เมตร มีทิวทัศน์สวยงาม ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา และป่าสนเขา
มีสนสองใบและสนสามใบขึ้นปะปนกัน และพบกล้วยไม้ดอกไม้ป่าหลายชนิดขึ้นอยู่ตามลานหิน
ภูหินร่องกล้าเคยเป็นศูนย์กลางที่ตั้งฐานที่มั่นการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของภาคเหนือ
ซึ่งเป็นศูนย์กลางแพร่กระจายลัทธิคอมมิวนิสต์ไปสู่เขาค้อ
ภูขัด และภูเมี่ยง จนเกิดเป็นปัญหาความมั่นคงทางการเมือง
เมื่อเหตุการณ์สงบลงในปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2525 ได้มีการตัดเส้นทางผ่านใจกลางภูหินร่องกล้าและจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติขึ้น
จนกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของภาคเหนือตอนล่างในปัจจุบัน
แหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ
ได้แก่
พิพิธภัณฑ์
ตั้งอยู่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
จัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวการใช้ชีวิต และการสู้รบของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
(พคท.) รวมทั้งจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้และอาวุธต่าง
ๆ
ทางเดินโลกที่สาม
เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ผ่านภูมิทัศน์ที่สวยงาม
และสถานที่สำคัญของ พคท. ได้แก่ สำนักอำนาจรัฐ เป็นสถานที่ดำเนินการทางการปกครอง
พิจารณาลงโทษผู้กระทำผิด มีคุก สถานที่ทอผ้าและโรงซ่อมเครื่องจักรกล
ที่หลบภัยทางอากาศ เป็นโพรงถ้ำกว้างขวางจุคนได้กว่า 211
คน ผาชูธง เป็นจุดที่คอมมิวนิสต์ชักธงแดงทุกครั้งที่รบชนะลานหินปุ่ม
เต็มไปด้วยหินปุ่มตะป่ำเป็นบริเวณกว้างดูแปลกตา เกิดจากการสึกกร่อนของหินโดยธรรมชาติ
เคยใช้เป็นที่พักฟื้นคนไข้
โรงเรียนการเมือง
การทหาร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 6 กิโลเมตร
เคยใช้เป็นสถานที่ให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์
มีบ้านพักฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ และสถานพยาบาล กระจายตัวอยู่ใต้ร่มไม้แน่นทึบ
ประมาณ 31 หลัง กระจายอยู่ภายใตัผืนป่ารกทึบ ในบริเวณใกล้เคียงยังมี
สุสานทหาร และกังหันน้ำสำหรับสีข้าว
น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร
ห่างจากโรงเรียนการเมืองประมาณ 611 เมตร
มีทางแยกเดินลงน้ำตกร่มเกล้าก่อน จากนั้นเดินลงไปประมาณ
211 เมตร จะเป็นน้ำตกภราดร ที่เกิดจากลำธารเดียวกัน
ลานหินแตก
เป็นลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก ตามซอกหินพบไม้ประเภทมอสส์
ไลเคน เฟิร์น และกล้วยไม้
น้ำตกศรีพัชรินทร์
ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับทหารจากค่ายศรีพัชรินทร์
จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นทหารหน่วยแรกที่ขึ้นมาบนภูหินร่องกล้า
น้ำตกศรีพัชรินทร์มีความสูงประมาณ 21 เมตร มีแอ่งใหญ่ที่เหมาะสำหรับเล่นน้ำ
น้ำตกหมันแดง
เป็นน้ำตกที่มีชั้นต่าง ๆ รวม 32 ชั้น เกิดจากห้วยน้ำหมัน
ซึ่งมีน้ำตลอดปี อยู่บนเส้นทางสายภูหินร่องกล้า-หล่มเก่า
กม. 18 มีทางเดินเท้าเข้าสู่น้ำตกอีก 3.5 กิโลเมตร
การเดินทาง
รถส่วนบุคคล
จากพิษณุโลกใช้เส้นทางหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) เลี้ยวซ้ายที่บ้านแยง
กม. 68 เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2113 ไปอีก 28 กิโลเมตร ถึงอำเภอนครไทย
แล้วเลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 2331 ไปภูหินร่องกล้าอีก
31 กิโลเมตร
นอกจากนี้ภูหินร่องกล้ายังสามารถเข้าถึงได้จากด้านจังหวัดเพชรบูรณ์โดยใช้เส้นทางหล่มเก่า-ทับเบิก-ภูหินร่องกล้า
แต่เส้นทางนี้ค่อนข้างสูงชัน และคดเคี้ยวมาก เหมาะเป็นทางลงมากกว่า
หมายเหตุ
- การเดินทางขึ้นและลงภูหินร่องกล้าทั้งสองเส้นทาง ควรใช้รถยนต์ที่มีกำลังสูงตรวจเช็คสภาพ
คลัตช์ และเบรก ให้อยู่ในสภาพที่ดีมาก และต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
การใช้รถบัสใหญ่ขึ้นภูหินร่องกล้านั้นไม่เหมาะสมเนื่องจากเส้นทางคดเคี้ยวและสูงชัน
ควรเปลี่ยนเป็นรถตู้จะสะดวกกว่า
รถโดยสาร
/ รถไฟ เดินทางโดยรถไฟหรือรถโดยสารจากกรุงเทพฯ ไปพิษณุโลก
แล้วต่อรถโดยสารสายพิษณุโลก-นครไทย รถจะออกจากสถานีขนส่งพิษณุโลกทุก
1 ชั่วโมง ระหว่างเวลา 6.11 - 18.11 น. ใช้เวลาเดินทาง 2
ชั่วโมง จากนั้นต่อรถสองแถวเล็กสายนครไทย-ภูหินร่องกล้า
ซึ่งมีบริการวันละ 4 เที่ยว ระหว่างเวลา 8.11-15.31 น. ใช้เวลา
45 นาที หากเหมารถไป-กลับ คิดราคาประมาณ 611 บาทต่อวัน
บริการรถเช่าขึ้นภูหินร่องกล้า
นอกจากบริการรถสองแถวที่อำเภอนครไทยแล้ว หากนักท่องเที่ยวต้องการความสะดวกสบายอาจเช่ารถตู้ปรับอากาศจากตัวเมืองพิษณุโลกไปภูหินร่องกล้าโดยตรง
ที่พักของอุทยานมีทั้งแบบเต็นท์และบ้านพัก
ติดต่อสอบถามได้ที่ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 5797223,
5795734
|