บริษัททัวร์ โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์
ทัวร์ชิงเต่า







 
• สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดอ่างทอง
• ข้อมูลท่องเที่ยว อ.เมือง อ.ป่าโมก อ.ไชโย จังหวัดอ่างทอง

อำเภอเมือง
• ศาลหลักเมือง ของจังหวัดอ่างทองอยู่ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัด เป็นอาคารจตุรมุข ตัวศาลสูงจากพื้นประมาณ 1.5 เมตร ศาลหลักเมืองจังหวัดอ่างทองเป็นศาลหลักเมืองแห่งที่ 2 ที่มีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้ง 4 ด้าน (ศาลหลักเมืองแห่งแรกที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังคือ ศาลหลักเมือง กรุงเทพฯ) ภายในศาลมีภาพจิตรกรรมฝาผนังลายพุ่มข้าวบิณฑ์ก้านแย่งสวยงามมาก ศาลหลักเมืองอ่างทองเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สวยงามสมกับเป็นหลักชัย และหลักใจของประชาชนชาวอ่างทองอย่างยิ่ง ผู้ที่มีโอกาสไปเยือนจังหวัดนี้ไม่ควรพลาดการไปเคารพสักการะศาลหลักเมืองแห่งนี้
• วัดอ่างทองวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด เดิมเป็นวัดเล็กๆ 2 วัด ชื่อ วัดโพธิ์เงิน และวัดโพธิ์ทอง สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้รวมวัดสองวัดเป็นวัดเดียวกันเมื่อ พ.ศ. 2443 และพระราชทานนามว่า วัดอ่างทอง วัดนี้มีพระอุโบสถที่งดงาม มีพระเจดีย์ทรงระฆังประดับด้วยกระจกสีและหมู่กุฏิทรงไทยสร้างด้วยไม้สักงดงามเป็นระเบียบซึ่งล้วนเป็นสถาปัตยกรรมตามแบบ ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
• วัดมธุรสติยาราม ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย เลยสี่แยกสายเอเชียเข้าอ่างทองไปประมาณ 300 เมตร เลี้ยวขวาเข้าปั้มน้ำมันไปประมาณ 30 เมตร เดิมชื่อวัดกุฏิ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำประคำทองซึ่งเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาเก่ามาแต่โบราณ สันนิษฐานว่าวัดนี้น่าจะสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีหลักฐานสำคัญเหลือให้เห็นคือ กำแพงแก้วพระอุโบสถเจดีย์และวิหาร ซึ่งวางจัดกลุ่มได้เหมาะสม มีรูปทรงที่งดงาม พระอุโบสถเจดีย์เป็นรูปโค้งสำเภาก่อ
อิฐถือปูนกว้าง 4 เมตร ยาว 8 เมตร หลังคาสูง 6 เมตรมุงด้วยกระเบื้องดินเผา สิ่งที่เป็นศิลปะชั้นเยี่ยมของพระอุโบสถได้แก่ หน้าบัน ทางด้านหน้าและด้านหลังพระอุโบสถเป็นหน้าบันไม้แกะสลักลายอย่างวิจิตรพิศดาร เป็นลายดอกบัวอยู่กลาง ก้านขด ปลายลายเป็นช่องหางโต แปลกตรงที่ลายดอกบัวมีลักษณะคล้ายจะเป็นเทพนมอยู่ยอดดอกบัว
• วัดจันทรังษี ตั้งอยู่ที่บ้านนา หมู่ 9 ต.หัวไผ่ มีพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งประชาชนนิยมเรียกพระนามว่า หลวงพ่อโยก และวัดจันทรังษี กำลังดำเนินการก่อสร้างพระวิหารหลวงพ่อสดซึ่งองค์หลวงพ่อสดเป็นพระพุทธรูปโลหะ ขนาดหน้าตักกว้าง 6 เมตร 9 นิ้ว สูง 9.9 เมตร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
• วัดต้นสน อยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาตรงข้ามกับวิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง เป็นวัดเก่าแก่โบราณ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิซึ่งมีชื่อว่า “สมเด็จพระศรีเมืองทอง” ขนาดหน้าตักกว้าง 6 วา 3 ศอก 9 นิ้ว สูง 9 วา 2 ศอก 19 นิ้ว นับเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะขนาดใหญ่ที่สุดองค์แรกและมีพุทธลักษณะที่สวยงามมากอีกองค์หนึ่ง
• วัดราชปักษี อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศตะวันออกจากอำเภอเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 3 - 4 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 309 (สายอ่างทอง-อยุธยา) ภายในวัดมีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ มีลักษณะคล้ายพระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมกแต่มีขนาดย่อมกว่าเล็กน้อย สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปเก่าสมัยอยุธยาเดิมองค์พระชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่เป็นวัดที่น่าไปเที่ยวชมและนมัสการยิ่งวัดหนึ่ง
• วัดสุวรรณเสวริยาราม อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศตะวันออกในท้องที่ตำบลตลาดกรวด จากศาลากลางจังหวัดไปตามถนนคลองชลประทาน 3 กิโลเมตร ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดองค์พระยาวประมาณ 10 วา และยังมีโบราณวัตถุต่างๆที่มีอายุราว 100 ปี
บ้านทรงไทยจำลอง ส่วนประกอบบ้านทรงไทย เครื่องเรือนไม้ตาล ตามเส้นทางสายอยุธยา-ป่าโมก และตำบลโพสะ เป็นแหล่งทำส่วนประกอบของบ้านทรงไทยแบบต่างๆ ด้วยฝีมือเชิงช่างที่ละเอียดอ่อนเชี่ยวชาญสืบทอดจากบรรพบุรุษอันคงความเป็นเอกลักษณ์แบบไทย นอกจากนี้ยังมีบ้านทรงไทยจำลองและสินค้าเฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้ตาลประเภทต่างๆจำหน่าย

อำเภอป่าโมก
• วัดป่าโมกวรวิหาร อยู่ในเขตเทศบาลตำบลป่าโมก ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศตะวันตกห่างจากอำเภอเมืองอ่างทองไป 18 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 309 สายอ่างทอง-อยุธยา ภายในวัดนี้มีพระพุทธไสยาสน์ที่งดงามมากองค์หนึ่งของเมืองไทย องค์พระก่ออิฐถือปูนปิดทอง มีความยาวจากพระเมาลีถึงปลายพระบาท 22.58 เมตร สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสุโขทัย มีประวัติความเป็นมาเล่าขานกันว่า พระพุทธรูปองค์นี้ลอยน้ำมาจมอยู่หน้าวัด ราษฎรบวงสรวงแล้วชักลากขึ้นมาไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำ ในพระราชพงศาวดารกล่าวว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชก่อนที่จะยกทัพไปรบกับพระมหาอุปราชได้เสด็จมาชุมนุมพลและถวายสักการะบูชาพระพุทธรูปองค์นี้ ต่อมาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระได้เสด็จมาควบคุมการชะลอองค์พระให้พ้นจากกระแสน้ำเซาะตลิ่งพัง และนำไปไว้ยังวิหารใหม่ที่วัดตลาด ห่างจากฝั่งแม่น้ำ 168 เมตร แล้วโปรดให้รวมวัดตลาดกับวัดชีปะขาวเป็นวัดเดียวกัน พระราชทานนามว่าวัดป่าโมกเพราะบริเวณนั้นมีต้นโมกมากมาย สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้ นอกจากพระพุทธไสยาสน์และตัวพระวิหารแล้วยังมี วิหารเขียน มณฑปพระพุทธบาท 4 รอยเป็นต้น
• วัดสระแก้ว อยู่ห่างจากวัดท่าสุทธาวาส ประมาณ 200 เมตร ตามถนนเลียบคลองชลประทาน หากเดินทางมาจากอยุธยาตามเส้นทาง อยุธยา-อ่างทอง (ทางหลวงหมายเลข 309) ทางเข้าวัดจะอยู่ซ้ายมือห่างจากอยุธยาประมาณ 15 กิโลเมตร วัดนี้สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2242 เดิมชื่อวัดสระแก เป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่มีเด็กอยู่ในความดูแลมาก จึงได้จัดตั้งคณะลิเกเด็กกำพร้าวัดสระแก้วเพื่อหารายได้ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กกำพร้า จนสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับวัดแห่งนี้ ภายในวัดสระแก้วยังมีอาคาร“สามัคคีสมาคาร” ซึ่งเป็นอาคารศูนย์โครงการทอผ้าตามพระราชประสงค์ก่อตั้งเมื่อพ.ศ.2524 อยู่ในความรับผิดชอบของ กองอุตสาหกรรมในครอบครัว กระทรวงอุตสาหกรรม ภายในอาคารมีสินค้าผ้าทอคุณภาพดีเช่น ผ้าซิ่น ผ้าขาวม้า ผ้าปูโต๊ะ ปลอกหมอน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีศูนย์วัฒนธรรมอำเภอป่าโมก ภายในมีสาธิตการทอผ้า การทำเครื่องประดับเงิน การปั้นตุ๊กตาชาววัง เป็นการเผยแพร่งานฝีมือของชาวอำเภอป่าโมกซึ่งเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายและมีจำหน่ายให้แก่ผู้สนใจ ทั้งสองแห่งเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. (035) 661169 หรือที่โรงเรียนวัดสระแก้วโทร. (035) 661950-1
• วัดท่าสุทธาวาส อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศตะวันออกเขตตำบลบางเสด็จ หากใช้เส้นทางสาย อยุธยา-อ่างทอง (ทางหลวงหมายเลข 309) ทางเข้าวัดจะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงตัวจังหวัดอ่างทองประมาณ 17 กิโลเมตร หากมาจากกรุงเทพฯห่างจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประมาณ 14 กิโลเมตร วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่แต่โบราณ สมัยอยุธยาตอนต้นในเวลาศึกสงครามบริเวณนี้จะเป็นเส้นทางเดินทัพข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีทรงรับวัดนี้ไว้ในพระราชอุปถัมภ์ มีการจัดสร้างพลับพลาที่ประทับกลางสระน้ำ สร้างพระเจดีย์เพื่อแสดงพระพุทธรูปโบราณและโบราณวัตถุต่างๆ รวมทั้งสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ ส่วนภายในพระอุโบสถสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จิตรกรส่วนพระองค์และนักเรียนในโครงการศิลปาชีพเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง บริเวณวัดแห่งนี้ร่มรื่นด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่และทัศนียภาพสวยงามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
• ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านบางเสด็จ ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 309 จากอยุธยาไปประมาณ 16 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่บ้านบางเสด็จ อยู่ติดกับวัดท่าสุทธาวาส ตำบลนี้เดิมชื่อบ้านวัดตาลต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อบ้านบางเสด็จ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนิน พระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎร ผู้ประสบอุทกภัยในปีพ.ศ.2518 ซึ่งสร้างความปลื้มปิติให้แก่ราษฎรเป็นอันมาก เพื่อเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณจึงได้เปลี่ยนชื่อบ้านวัดตาลเป็น บ้านบางเสด็จ
โครงการตุ๊กตาชาววังที่บ้านบางเสด็จเป็นโครงการที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2519 เพื่อให้เป็นอาชีพเสริมเพิ่มพูนรายได้ให้แก่ราษฎร ภายในหมู่บ้านบางเสด็จนี้ นอกจากจะได้ชมทัศนียภาพอันร่มรื่นและสวยงามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ยังสามารถชมการปั้นตุ๊กตาชาววังจากบ้านเรือนราษฎรละแวกนั้นได้อย่างเป็นกันเอง    นอกจากนี้มีการรวมกลุ่มในรูปของสหกรณ์โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่หน้าวัดท่าสุทธาวาส ซึ่งจะจัดให้สมาชิกมาสาธิตการปั้นตุ๊กตาชาววังพร้อมกับจัดจำหน่ายในราคาที่ย่อมเยา ตุ๊กตาชาววังเป็นประดิษฐกรรมดินเหนียวที่สวยงามแสดงให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและวัฒนธรรมประเพณีไทยต่างๆเช่น การปั้นเป็นรูปการละเล่นของเด็กไทย วงมโหรีปี่พาทย์ หรือรูปผลไม้ไทยหลากหลายชนิดซึ่งล้วนมีความสวยงามน่ารักและเหมาะที่จะซื้อเป็นของฝากหรือของที่ระลึกเป็นอย่างยิ่ง

• หมู่บ้านทำกลอง ตั้งอยู่ที่ ตำบลเอกราช หลังตลาดป่าโมก ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา การเดินทางใช้ถนนสายใน ผ่านหน้าที่ทำการเทศบาลอำเภอป่าโมกซึ่งขนานไปกับลำคลองชลประทาน ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร ชาวบ้านแพเริ่มผลิตกลองมาตั้งแต่ พ.ศ.2470 โดยจะเริ่มหลังฤดูเก็บเกี่ยว วัตถุดิบที่ใช้ทำกลองได้แก่ ไม้ฉำฉาเพราะเป็นไม้เนื้ออ่อนที่สามารถขุดเนื้อไม้ได้ง่ายกับหนังวัว เราสามารถชมกรรมวิธีการทำกลองตั้งแต่เริ่มกลึงท่อนไม้เรื่อยๆไปจนถึงขั้นตอนการขึ้นกลอง การฝังหมุด กลองที่ทำมีตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงกลองขนาดใหญ่เช่น กลองทัด ซึ่งเราจะได้เห็นถึงฝีมือการทำที่มีคุณภาพ ประณีต สวยงามและยังสามารถซื้อไปเป็นของที่ระลึกกลับบ้าน
• อิฐอ่างทอง เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนคุณภาพสูงที่ผลิตขึ้นเพื่อจัดจำหน่ายไปทั่วประเทศไทย ส่วนมากจะใช้ในการทำอิฐโชว์แนวประดับอาคาร บ้านเรือน ผู้สนใจจะติดต่อซื้อได้จากโรงอิฐโดยตรง เฉพาะที่อำเภอป่าโมกจะมีโรงอิฐมากกว่า 42 แห่ง

อำเภอไชโย
•
วัดไชโยวรวิหาร ห่างจากอำเภอเมืองอ่างทองประมาณ 18 กิโลเมตร อยู่บนเส้นทางสายอ่างทอง-สิงห์บุรี ด้านตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโท เดิมเป็นวัดราษฏร์สร้างมาแต่ครั้งใดไม่ปรากฏ มีความสำคัญขึ้นมาในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี ได้สร้างพระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่หรือหลวงพ่อโต องค์เป็นปูนขาวไม่ปิดทองไว้กลางแจ้ง ณ วัดแห่งนี้ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จฯ มานมัสการและโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดไชโยขึ้นในปี พ.ศ.2430 แต่แรงสั่นสะเทือนระหว่างการลงรากพระวิหารทำให้องค์หลวงพ่อโตพังลงมาจึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างหลวงพ่อโตขึ้นใหม่ตามแบบหลวงพ่อโต วัดกัลยาณมิตร มีขนาดหน้าตักกว้าง 16.10 เมตร สูง 22.65 เมตร และพระราชทานนามว่า “พระมหาพุทธพิมพ์” มีการจัดงานฉลองซึ่งนับเป็นงานใหญ่ที่สุดของจังหวัดอ่างทองในสมัยนั้น องค์หลวงพ่อโตประดิษฐานอยู่ในพระวิหารที่มีความสูงใหญ่สง่างามแปลกตากว่าวิหารแห่งอื่นๆ พุทธศาสนิกชนจากที่ต่างๆ มานมัสการอย่างไม่ขาดสาย ติดกับด้านหน้าพระวิหาร มีพระอุโบสถก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยอันงดงามหันด้านหน้าออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ ฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันวัดไชโยวรวิหารได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่จนมีความงามสมบูรณ์ยิ่ง
• วัดสระเกศ วัดนี้เป็นวัดเก่าตั้งแต่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ที่ตำบลชัยภูมิ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทิศตะวันออก ห่างจากอำเภอเมืองอ่างทอง ประมาณ 15 กิโลเมตร ตำบลชัยภูมินี้เดิมชื่อ บ้านสระเกศ ขึ้นอยู่กับแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ มีกล่าวไว้ในพระราชพงศาวดารว่าเมื่อ พ.ศ. 2128 พระเจ้าเชียงใหม่ยกทัพมาตั้งค่ายอยู่ที่บ้านสระเกศ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถได้รุกไล่ตีทัพของพระเจ้าเชียงใหม่จนแตกพ่าย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเคยเสด็จพระราชดำเนินมาวัดสระเกศ เมื่อปีพ.ศ. 2513 เพื่อทรงบำเพ็ญพระราชกุศลบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราชวัดโพธิ์หอม (วัดป่าหัวพัน) ตั้งอยู่ที่ตำบลราชสถิตย์ (ตำบลโตนด) อยู่ด้านตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากอำเภอเมืองอ่างทอง 12 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางอ่างทอง-สิงห์บุรี แล้วมีทางแยกเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร วัดนี้เดิมเป็นวัดร้างสร้างมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เพิ่งจะเริ่มสร้างเป็นวัดใหม่เมื่อประมาณ 10 ปี สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้คือ รูปพรหมสี่หน้าปูนปั้นขนาดใหญ่จำนวน 2 เศียรที่ขุดได้ภายในวัด ประดับอยู่บนพานด้านหน้าฐานพระอุโบสถเดิม ลักษณะศิลปะเป็นแบบขอม ซึ่งเดิมอาจใช้เป็นส่วนยอดของประตูวัดหรือพระอุโบสถเหมือนกับที่พบว่าใช้เป็นยอดของประตูพระราชวังสมัยกรุงศรีอยุธยา

อ่างทอง จังหวัดอ่างทอง โรงแรมอ่างทอง
พระนอนองค์ใหญ่ วีรชนใจกล้า ตุ๊กตาชาววังโด่งดังจักสาน ถิ่นฐานทำกลอง
• ข้อมูลท่องเที่ยว จังหวัดอ่างทอง  
ทัวร์โปรโมชั่น
• โปรแกรมทัวร์แนะนำ
ทัวร์ชิงเต่า
• TAO655-SL : สีสันชิงเต่า หลินอี๋ หนี่ซาน ไท่อัน จี่หนาน ซาซือโขว่ บ่อน้ำพุเป้าทู ทะเลสาบต้าหมิงหู Cyberpunk Beach โรงเบียร์ชิงเต่า สะพานจ้านเฉียว เมืองโบราณหลังหยา
• วันเดินทาง 7 - 12 มกราคม, 23 - 28 มกราคม, 11 - 16 มีนาคม, 1 - 6 เมษายน, 22 - 27 เมษายน 2569
• เที่ยวชม เมืองจี่หนาน เมืองแห่งน้ำพุธรรมชาติและเป็นเมืองหลวงของมณฑลซานตง
• เที่ยวชม ซาจือโข่ว (Shazikou) จุดเช็คอินที่มีฉากหมู่บ้านสไตล์อิตาลี่ที่กำลังโด่งดังในโซเชี่ยล
• เที่ยวชม เมืองหนี่ซาน เที่ยวชมแดนสวรรค์อุทยานขงจื้อ ชม รูปปั้นขงจื๊อที่ใหญ่ที่สุดในโล
• DEL765-AI : เส้นทาง 5 เมืองมรดกโลก เดลี อัครา ชัยปุระ มุมไบ ออรังกาบัด ทัชมาฮาล ซิตี้พาเลซ พระราชวังสายลม ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า กุตุบมีนาร์
• วันเดินทาง 14 - 20 มกราคม, 15 - 21 กุมภาพันธ์ 2569
• ชมเส้นทางมรดกโลกอารยธรรมโมกุลและอารยธรรมราชบุตรที่ เดลี - อัครา – ชัยปุระ - มุมไบ - ออรังกาบัด
• เที่ยวถ้ำพุทธศิลป์ ถ้ำอชันตา และ ถ้ำเอลโลร่า (มรดกโลก) เมืองออรังกาบัด
• เที่ยว ทัชมาฮาล สิ่งมหัศจรรย์ของโลก - อาหารดี - โรงแรม 4 -5 ดาว - มีอาหารไทย - บินภายใน
• INDIA877 : อินเดีย เนปาล พุทธคยา ราชคฤห์ กุสินารา ลุมพินี สาวัตถี ล่องเรือ สารนาท พารานสี
• วันเดินทาง 11 - 18 มกราคม, 4 - 11 กุมภาพันธ์, 11 - 18 มีนาคม 2569
• เที่ยวครบ 4 สังเวชนียสถาน พุทธคยา กุสินารา ลุมพินี สาวัตถี พาราณสี
• ชม ล่องเรือแม่น้ำคงคา เที่ยวชม วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี
• พักโรงแรม 4-5 ดาว - มีอาหารไทย - มีพระวิทยากร - บินการบินไทย
• DEL645-TG : เดลี ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า ทัชมาฮาล อัคราฟอร์ท - กุตุบมีนาร์ - Red Fort เที่ยว 7 มรดกโลก
• วันเดินทาง 5 - 10 ธันวาคม, 15 – 20 มกราคม, 18 – 23 กุมภาพันธ์ 2569
• ชม ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า เมืองออรังกาบัด
• เที่ยวชม ทัชมาฮาล และ อัคราฟอร์ท เมืองอัครา
• อาหารดี - โรงแรม 4 - 5 ดาว - บินการบินไทยและบินภายใน 2 ไฟลท์
เส้นทางสายไหม สกีหิมะ
• UQ-879 : เส้นทางสายไหม ภูเขาสายรุ้ง ถ้ำตุนหวง สกีหิมะ Silk Road ซินเจียง ลั่วหยาง หลานโจว จางเย่ ด่านเจียยี่กวน ตุนหวง สระน้ำวงพระจันทร์ ถ้ำโมเกาคู อูรูมูฉี
• วันเดินทาง 28 ธันวาคม – 4 มกราคม, 1 – 8 มีนาคม 2569
• ชมความมหัศจรรย์ของ ภูเขาสายรุ้ง Rainbow Mountain กับธรรมชาติที่สรรค์สร้าง
• ชม ถ้ำตุนหวง ถ้ำหินแกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ถ้ำพุทธศิลป์ที่ได้ขึ้นเป็นมรดกโลก
• สนุกสนานการการ ขี่อูฐกลางทะเลทราย ไปชม ทะเลสาบวงพระจันทร์
• สนุกสนานกับ สกีหิมะ Silk Road เขาหนานซาน ลานสกีที่โด่งดังของเมืองอูรูมูฉี
ทัวร์สกีซินเจียง
• UQ865 : สกีหิมะซินเจียงเหนือ คานาสือ หุบเขาอัลไต หมู่บ้านเหอมู่ หมู่บ้านไป๋ฮาปา แพะเมืองผี แคนย่อนตูซานจื่อ ทะเลสาบอูหลุนกู ตลาดต้าปาจา Silk Road Ski อูรูมูฉี
• วันเดินทาง 18 – 25 มกราคม, 1 – 8 มีนาคม 2569
• ชมหิมะสวยๆปีละครั้งที่ อุทยานคานาสือ และทะเลสาบต่างๆ (เน้นถ่ายรูปสวยๆ)
• ชม สกีหิมะ ที่ หมู่บ้านเหอมู่ ลานสกีและหมู่บ้านที่วิวทิวทัศน์สวยที่สุด
• สนุกสนานกับ สกีหิมะ Silk Road เขาหนานซาน ลานสกีที่โด่งดังของเมืองอูรูมูฉี
• สอบถามทัวร์เพิ่มเติม
• ID Line Office : @oceansmiletour
• คุณเล็ก โทร.082-3656241   • ID Line : lekocean2
• คุณโจ้ โทร.093-6468915    • ID Line : oceansmile
• รับทำกรุ๊ปเหมา เที่ยวส่วนตัว ดูงาน
• ประเทศจีน (ทุกเมือง) อินเดีย (ทุกเมือง)
• เนปาล ภูฏาน บาหลี ศรีลังกา ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า
บริษัท โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ จำกัด โทร. 0-2969 3664, 0-2949 5134-36
เลขที่ 23/121 ซอยนวมินทร์ 161 แยก1-4 ถ.นวมินทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230

Hotline 0-936468915, 0-823656241 ใบอนุญาตเลขที่ 11/05028