อำเภอบรรพตพิสัย
เขาหน่อ-เขาแก้ว
อยู่ริมทางหลวงหมายเลข ๑ สายพหลโยธิน
นครสวรรค์-กำแพงเพชร ในท้องที่ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย
ระยะทางจากตัวจังหวัดประมาณ ๔๕ กิโลเมตร และห่างจากที่ว่าการอำเภอบรรพตพิสัยประมาณ
๑๘ กิโลเมตร เขาหน่อเป็นเขาหินปูน มีวัดเขาหน่อตั้งอยู่เชิงเขา
มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขา เพื่อชมทิวทัศน์ บริเวณปากถ้ำทางขึ้นเขาประดิษฐานพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่
เมื่อครั้งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสทางชลมารคสายแม่น้ำปิง
ได้ประทับแรมที่นี่ ต่อมาจังหวัดได้สร้างพระบรมรูปไว้เป็นอนุสรณ์
บริเวณเชิงเขามีฝูงลิงจำนวนมาก คอยรับอาหารจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
และเวลาเย็นฝูงค้างคาวที่อาศัยอยู่ตามถ้ำพากันบินออกหากิน
ดูเป็นสายยาวสีดำอยู่บนท้องฟ้า ส่วนเขาแก้วอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน
ในเวลาเย็นจะมีฝูงค้างคาวออกหากินเช่นกัน
อำเภอพยุหะคีรี
เมืองโบราณโคกไม้เดน
อยู่ที่ตำบลท่าน้ำอ้อย พบซากกำแพงเนินดิน
ซึ่งแสดงถึงความเป็นเมืองเก่าสมัยสุโขทัย เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร
ได้ขุดพบรูปปั้นช้างพญาฉัททันต์ อายุกว่า ๑,๐๐๐ ปี คำว่า "โคกไม้เดน"
เป็นชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง คนสมัยเก่าเรียกบ้านโคกไม้เดนว่า
"เมืองบน" สร้างขึ้นในสมัยทวารวดี ระหว่างพุทธศตวรรษที่
๑๑-๑๖ (พ.ศ. ๑๐๐๐-๑๕๐๐) ตัวเมืองบนมีลักษณะเป็นรูปรีคล้ายหอยสังข์
ขนาดยาวประมาณ ๒๕๐ เมตร กว้าง ๖๐๐ เมตร คล้ายกำแพงเมืองนครปฐม
เมืองเสมาจังหวัดนครราชสีมา และเมืองพญาแร่จังหวัดชลบุรี
อำเภอไพศาลี
เมืองเก่าเวสาลี
จากการสำรวจของกรมศิลปากร เมื่อ
พ.ศ.๒๕๑๑ พบว่าเป็นเมืองสี่เหลี่ยมผืนผ้า มุมมน มีกำแพงดิน
๒ ชั้น มีคูเมืองคั่นกลาง ยาวประมาณ ๗๐๐ เมตร กว้าง ๕๐๐ เมตร
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี บริเวณที่ตั้งชุมชนเป็นที่ราบลุ่มมีทางน้ำไหลผ่าน
จากการขุดแต่งใน พ.ศ.๒๕๓๙ พบว่า โบราณสถานซึ่งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเมืองเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย
ประกอบด้วยอุโบสถ มณฑป วิหาร เจดีย์ และผลจากการศึกษาหลักฐานชั้นดินทางโบราณคดี
พบว่า ก่อนการสร้างโบราณสถาน กลุ่มเมืองเก่าเวสาลีแห่งนี้
ได้มีชุมชนตั้งหลักแหล่งอยู่ก่อนแล้ว เป็นชุมชนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย
ซึ่งได้มีการพัฒนาเข้าสู่การเป็นชุมชนคูน้ำคันดินในสมัยทวารวดี
เมืองเวสาลีเคยเป็นเมืองหน้าด่านเล็ก ๆ ของกรุงละโว้ในดินแดนสุวรรณภูมิ
ปรากฏหลักฐานซากวัตถุโบราณ เช่น พระปรางค์ หอสมุด และพระพุทธรูปฝีมือขอมโบราณ
ราว พ.ศ.๑๑๐๐-๑๔๐๐ ขอมได้มีอำนาจเจริญรุ่งเรืองในแคว้นสุวรรณภูมิ
ตลอดทั้งในแคว้นโคตรบูร แคว้นโยนก และแคว้นทวารวดี โดยมีกรุงละโว้เป็นราชธานี
เมืองเวสาลีนี้ได้สร้างขึ้นในสมัยนั้น มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับกรุงสุโขทัย
นครโยนก เมืองโอฆะบุรี และเมืองศรีเทพ โดยที่เมืองเหล่านี้ได้สร้างขึ้นไว้เพื่อเป็นเมืองหน้าด่านของกรุงละโว้ทั้งสิ้น
ภายหลังเมืองเวสาลีตกอยู่ภายใต้การปกครองของกรุงสุโขทัย และได้ถูกปล่อยร้างมาราว
๔๐๐ ปี จนถึง พ.ศ.๒๑๙๙ สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กษัตริย์ไทยรัชกาลที่
๒๘ แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ เมืองละโว้ขึ้นเป็นราชธานีอีกแห่ง
ให้ชื่อเมืองลพบุรี พระองค์ทรงดำริเห็นว่า หัวเมืองฝ่ายเหนือยังไม่สงบลงได้ง่าย
เพราะมีพม่าคอยหนุนหลัง ประกอบเป็นที่ราบลุ่มทำนาข้าวได้ดี
เหมาะแก่การที่จะตั้งกองรักษาด่านไว้เพื่อป้องกันข้าศึกทางฝ่ายล้านนา
จึงได้บูรณะเมืองเวสาลีขึ้นใหม่
การเดินทาง จากทางหลวงหมายเลข
๓๓๓๐ จากอำเภอตากฟ้า เลี้ยวขวาระหว่างหลักกิโลเมตรที่ ๒๗-๒๘
ถนนบ้านหนองไผ่-บ้านโคกเจริญ ตรงหัวโค้งแรกจะมีทางตรงขึ้นไปประมาณ
๑ กิโลเมตร เมืองเก่าเวสาลีอยู่ทางขวามือ
รอยพระพุทธบาท
มีลักษณะเป็นแผ่นหินชนวนสีเขียวแกะสลัก
สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระยาลิไท แห่งกรุงสุโขทัย จากเอกสารที่มีผู้บันทึกไว้ทำให้ทราบว่า
รอยพระพุทธบาทนี้ได้อัญเชิญมาจากกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พร้อมกับผู้คนที่เกณฑ์มาสร้างเมืองเวสาลี โดยได้นำไปประดิษฐานไว้บนยอดเขา
แล้วสร้างวิหารครอบภูเขาลูกนี้ คือที่ตั้งของวัดพระพุทธบาท
ตำบลสำโรงชัย ในปัจจุบัน
พระครูนิมุตพัฒนาทร เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ค้นพบรอยพระพุทธบาทบริเวณวัดอีกรอยหนึ่ง
มีลักษณะเป็นรอยพระพุทธบาทประทับอยู่บนแผ่นหิน สร้างมณฑปครอบไว้
และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่ส่วนยอด และมณฑปหลังนี้ยังได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นเมื่อ
พ.ศ.๒๕๓๗ จากสมาคมสถาปนิกสยาม และบริเวณทางเดินขึ้นไปนมัสการพระธาตุ
สันนิษฐานว่าเป็นฐานเจดีย์เก่า
การเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกับเมืองเก่าตามถนนสายบ้านหนองไผ่-บ้านโคกเจริญ
วัดพระพุทธบาทอยู่เลยจากทางแยกไปเมืองเก่าประมาณ ๕ กิโลเมตร
แหล่งโบราณคดีวัดโพธิ์ประสาท
ตำบลโพธิ์ประสาท สำรวจขุดค้นโดยกรมศิลปากร
ระหว่างพ.ศ.๒๕๑๙-๒๕๓๖ พบภาชนะเครื่องใช้ทั้งแบบโลหะและแบบดินเผาของคนโบราณ
ซึ่งเป็นชุมชนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ที่ได้มีการพัฒนาเข้าสู่การเป็นชุมชนคูน้ำคันดินในสมัยทวารวดี
เครื่องใช้โลหะที่ขุดพบมีอายุกว่า ๒,๐๐๐ ปี อาทิ ใบหอกโบราณ
จัดเป็นศิลปะก่อนประวัติศาสตร์ ประเภทเครื่องใช้สอยดินเผา
อาทิ หม้อดินเผา ตะคัน หรือตะเกียง ลูกแวดินเผา และประเภทเครื่องประดับ
อาทิ กำไลเปลือกหอย จัดเป็นศิลปสมัยทวารวดี ประมาณพุทธศตวรรษที่
๑๒-๑๖
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข
๓๓๓๐ หากมาจากอำเภอไพศาลี เลี้ยวขวาข้างตู้ยามบ้านโพธิ์ประสาท
ระหว่างกิโลเมตรที่ ๙-๘
ป่าไพศาลี บริเวณเทือกเขาสอยดาวในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาคอกป่าเขาโลมนาง
และป่าเขาสอยดาว เนื้อที่ประมาณ ๓๘,๐๐๐ ไร่ สภาพภูมิประเทศ
เป็นภูเขาสูงชัน มียอดสูงสุด สูง ๕๕๘ เมตร เป็นพื้นที่เขตรอยต่อ
๓ จังหวัด คือ นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และลพบุรี มีธรรมชาติที่สวยงาม
มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ได้แก่ น้ำตกซับสมบูรณ์ใน สวนรุกขชาติ
๑๐๐ ปี และน้ำตกซับใหญ่ พิชิตยอดสอยดาว เขตบ้านเขาเขียว สภาพป่าที่นี่ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ
ป่าเต็งรัง ป่าดงดิบแล้ง และป่าทุ่งหญ้า จึงมีความหลากหลายทางระบบนิเวศเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด
เหมาะแก่การศึกษาเรียนรู้ทางธรรมชาติที่สวยงาม อาทิ มีจุดชมวิวบนยอดเขาที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพกว้างไกล
มีจุดพักแรมบนยอดสอยดาวเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ในฤดูหนาวอากาศหนาวเย็นมากจึงเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความท้าทาย
มี เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ จากน้ำตกซับสมบูรณ์ถึงน้ำตกซับใหญ่
เป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่มุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวได้เกิดการเรียนรู้
และได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย อีกทั้งยังได้ชื่นชมกับความสวยงามของธรรมชาติ
โดยมีระยะทางในการเดินป่า ๗-๑๕ กิโลเมตรใช้เวลาท่องเที่ยว
๑-๓ วัน ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของนักท่องเที่ยว ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสมคือ
เดือนกรกฎาคม-ธันวาคมของทุกปี สนใจติดต่อสวนรุกขชาติ ๑๐๐ ปี
หมู่ ๖ ตำบลวังข่อย อำเภอไพศาลี
พุทธศาสนสถานหลวงพ่อดำ
หลวงพ่อดำ ประดิษฐานอยู่ที่วัดสระทะเล ตำบลโคกเดื่อ กรมศิลปากรสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงสุโขทัยมีอายุประมาณ
๗๐๐ ปีเศษ แต่เดิมชาวบ้านพบพระพุทธรูปอยู่กลางป่าสามองค์ ปัจจุบันเหลือเพียงองค์เดียว
เรียกขานตามกันว่า หลวงพ่อดำ วัดสระทะเล
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข
๑๑ จากอำเภอหนองบัวเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข ๓๐๐๔ ตรงมาประมาณ
๘ กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางวัดโคกเดื่อประมาณ ๒ กิโลเมตร
หมายเหตุ สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอไพศาลี
ได้ที่ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว ฝ่ายปกครองอำเภอไพศาลี โทร. ๐
๕๖๒๕ ๙๒๗๒ |