ข้อมูลท่องเที่ยวรัฐกลันตัน (Kelantan)
กลันตัน เป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางเหนือสุดทางด้านตะวันออกของมาเลเซีย
มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดนราธิวาสมีเมืองหลวงชื่อ โกตาบารู
(Kot Bharu) มีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านคือ แม่น้ำกลันตัน และเป็นรัฐที่มีความอนุรักษ์นิยมมากที่สุดในประเทศ
จึงมากไปด้วยพิพิธภัณฑ์ที่ดัดแปลงมาจากวังของสุลต่าน ในอดีตยังเคยเป็นหนึ่งในหัวเมืองมลายูที่ไทยเคยปกครองดังนั้นวิถีชีวิตและอาหารการกินจึงคล้ายคลึงกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
ศูนย์กลางของเมืองโกตาบารูอยู่ที่จัตุรัสเมอร์เดกา ซึ่งลักษณะในการสร้างและจุดประสงค์ในการสร้างเหมือนกับที่กัวลาลัมเปอร์คือ
เป็นสัญลักษณ์แห่งการประกาศอิสรภาพนั่นเอง
พิพิธภัณฑ์ในโกตาบารู เดิมเป็นวังของสุลต่านแห่งกลันตัน
จนถึงปี พ.ศ. 2534 ได้รับการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในจัดแสดงเป็นห้อง
ๆ เช่น ห้องเสวยพระกระยาหาร ห้องบรรทม โดยจัดแสดงเครื่องใช้ต่าง
ๆ ขององค์สุลต่านและครอบครัวไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย
เครื่องประดับ เครื่องเงิน เครื่องคริสตัลที่งดงาม และมีรูปถ่ายประวัติศาสตร์เมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเยือน
กลันตันในวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2448 โดยสุลต่านมุฮัมมัดที่
4 เฝ้ารับเสด็จ
พิพิธภัณฑ์พระราชวังจาฮาร์ (Istana Jahar) สร้างโดยสุลต่านมูฮัมมัดที่
2 เพื่อเป็นของขวัญแด่องค์รัชทายาทซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสุตล่านมูฮัมมัดที่
3 และยังเป็นที่ประทับต่อ ๆ มาของสุลต่านอีกหลายพระองค์
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2535 จึงได้รับการดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์โดยจัดแสดงเป็นห้อง
ๆ ตามราชประเพณี และด้านหลังยังมีอาคารแสดงอาวุธโบราณโดยเฉพาะกริชที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวมาเลย์อีกด้วย
และใกล้ ๆ กันนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจ คือ มัสยิสมูฮัมมาดีซึ่งถือเป็นมัสยิดกลางของรัฐกลันตัน
พิพิธภัณฑ์สงคราม (War Museum) เดิมอาคารนี้เป็นที่ทำการธนาคารพาณิชย์แห่งอินเดีย
สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2455 ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดแสดงเรื่องราวต่าง
ๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
พิพิธภัณฑ์แห่งรัฐ (Kelantan State Museum) เดิมเป็นสำนักงานเทศบาลเมืองโกตาบารู
ต่อมาเมื่อปีพ.ศ. 2533 ได้ทำการดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะและประวัติศาสตร์ของรัฐกลันตัน
นอกจากนี้ในรัฐกลันตันยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นผืนป่า
น้ำตก หรือชายหาดทางฝั่งตะวันออก และในเมือตุมปัตซึ่งอยู่ทางเหนือสุดและติดกับชายแดนไทย
มีวัดไทยอีกหลายแห่งที่เป็นศูนย์กลางความศรัทธาของชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย
เช่น วัดโพธิวิหาร วัดมัชฌิมาราม และวัดใหม่สุวรรณคีรี
ข้อมูลท่องเที่ยวรัฐตรังกานู
เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Trengganu) เป็นเมืองหลวงของรัฐตรังกานู
อยู่บริเวณปากแม่น้ำตรังกานูเมืองนี้มีขนาดไม่ใหญ่นักสามารถเดินเที่ยวชมเมืองได้
เริ่มจาก (Water Front) ท่าเรือริมแม่น้ำตรังกานู ซึ่งบริเวณนี้เป็นปากแม่น้ำที่แผ่กว้าง
อีกฟากของแม่น้ำคือ มัสยิดคริสตัล (Crystal Mosque) เป็นมัสยิสที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยโครงเหล็กและประดับประดาด้วยกระจกอย่างสวยงาม
เมื่อเดินเลียบไปตามแม่น้ำจะพบย่านไชน่าทาวน์ที่เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนที่สร้างขึ้นแบบสถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีส
มีอาหารจีนอร่อย ๆ มากมาย เมื่อพ้นจากย่านไชน่าทาวน์จะเป็นย่ายเซนทรัลมาร์เก็ต
(Central Market) สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในย่านนี้คือมัสยิดอบิดีน
(Abidin Mosque) มัสยิสสีขาวสะอาดตาจนชาวเมืองเรียกติดปากว่า
มัสยิดสีขาว
เขาพูเทอรี (Bukit Puteri) เป็นเนินเขาเตี้ย ๆ บริเวณปากแม่น้ำตั้งอยู่ริมทะเล
บนยอดเขาเป็นที่ตั้งของป้อมปราการที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2374 เพื่อป้องกันตัวเมืองตรังกานูจากการโจมตีทางทะเลจึงมีปืนใหญ่จำนวนมากตั้งอยู่บนนี้
เมื่อลงจากเขาพูเทอรีจะพบกันสวนอิสตานามาเซียห์ (Istana
Maziah) สวนสไตล์มาเลย์ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์
ถนนสุลต่านไซนัลอบิดิน (Jalan Sultan Zainal Abidin)
เป็นถนนที่ทอดยาวไปตามแนวชายฝั่งสุดปลายของถนนเส้นนี้คือหาด
พริมูลา (Primula Beach) ก่อนถึงปากทางเข้าหาดมีมัสยิดมุกตาฟีบิลลาห์ชาห์
(Musjid Al Muktafi Billah Shah)
เต็งกูเต็งงะห์ซาฮาราห์ (Tengku Tengah Zaharah Mosque)
หรือมัสยิดลอยน้ำมัสยิดสีขาวที่ตั้งอยู่บนเกาะที่รอบล้อมด้วยน้ำใสสะอาดจนเกิดเงาสะท้อนที่งดงาม
ข้อมูลท่องเที่ยวรัฐปะหัง
(Pahang)
ปะหัง เป็นรัฐในแหลมมลายูที่มีพื้นที่มากที่สุด มีเมืองกวนตัน
(Kuantan) เป็นเมืองหลวงแห่งรัฐอยู่ติดทะเลบนดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำกวนตัน
มัสยิดสุลต่านอะห์หมัดที่ 1 เป็นอาคารสี่เหลี่ยมซ้อนกัน
4 ชั้นส่วนบนสุดคือโดมสีฟ้าขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยหอคอยยอดแหลม
4 ด้านสามารถจุคนได้ถึง 10,000 คน
พิพิธภัณฑ์รัฐปะหัง (Museum Tokho Negeri Pahang) ภายในเป็นส่วนจัดแสดงเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่และวิถีชีวิตของชาวปะหัง
สวนเกอโลรา (Taman Gelora) เป็นสวนสาธารณะริมทะเล มีแนวสวนสนที่ร่มรื่น
อยู่ห่างจากปากแม่น้ำกวนตันไปประมาณ 2 กิโลเมตร
คาเมรอนไฮแลนด์ (Cameron Highlands) ดินแดนที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง
1,524 เมตร มียอดสูงสุดที่มีความสูงถึง 2,032 เมตร คือ
Gunung Brinchang ทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี พื้นที่นี้จึงเหมาะแก่การเพาะปลูพืชเมืองหนาว
ไม่ว่าจะเป็นไร่ชา หรือสตรอว์เบอร์รี่
ข้อมูลท่องเที่ยวรัฐยะโฮร์
(Johor)
รัฐยะโฮร์นี้เกิดขึ้นเมื่อเมืองมะละกาถูกครอบครองโดยโปรตุเกส
สุลต่านมาห์มุดซาห์แห่งมะละกาจึงถอยร่นมายังพื้นที่ตอนใต้ของแหลมมลายูใน
พ.ศ. 2054 และก่อตั้งเป็นอาณาจักรยะโฮร์แต่ภายหลังตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษจนกระทั่งอังกฤษคืนเอกราชแก่รัฐต่าง
ๆ ในมลายูเมื่อพ.ศ. 2500 ยะโฮร์จึงเข้าร่วมกับรัฐอื่น
ๆ เป็นสหพันธรัฐมาเลเซีย โดยมีเมืองหลวงแห่งรัฐชื่อ ยะโฮบาห์รู
(Johor Bahru) ที่สุดปลายแหลมมลายู เดิมมีเมืองชื่อว่า
เมืองบันดาร์ตันจุงพูเทอรี (Bandar Tanjung Puteri) ซึ่งสุลต่านเตเมงกอง
อิบราฮิมได้สถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงในปี พ.ศ. 2420 และสร้างวังสุลต่านอิบราฮิม
(Bangunan Sultan Ibrahim) ซึ่งมีลักษณะคล้ายป้อมปราการบนเนินเขา
และอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชมได้จากภายนอกเท่านั้น
มัสยิดสุลต่านอบู บาการ์ (Masjid
Sultan Abu Bakar) ตั้งอยู่บนเนินเขาช่องแคบยะโฮร์
ที่เป็นช่องแคบระหว่างยะโฮร์กับเกาะสิงคโปร์จึงสามารถมองเห็นเกาะสิงคโปร์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้อย่างชัดเจน
และใกล้ ๆ กับมัสยิดแห่งนี้มีพิพิธภัณฑ์รอยัลอบูบาการ์
(Royal Abu Bakar) และสวนสัตว์ให้เข้าชม
ดาตารันบานดารายา (Dataran Bandaraya)
สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการสถาปนาเมืองยะโฮร์บาห์รูเป็นเมืองหลวง
และที่ใกล้ ๆ กันกับดาตารันบานดารายา คือ หาดลิโด้ (Lido
Beach) ชายหาดที่งดงามที่สุดของแหลมมลายู
พื้นที่ใต้สุดของแหลมมลายูนี้มีช่องแคบยะโฮร์คั่นกลางระหว่างแหลมกับเกาะสิงคโปร์
ฉะนั้นเมื่อต้องการไปสิงคโปร์สามารถไปได้สะดวกโดยรถประจำทางและรถไฟซึ่งใช้เวลาเพียง
1 ชั่วโมงเท่านั้น