อำเภอพนมสารคาม
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน
ตั้งอยู่ตำบลเขาหินซ้อน ริมทางหลวงหมายเลข 304 กิโลเมตรที่
51-52 อยู่ห่างจากอำเภอพนมสารคาม 17 กิโลเมตร มีเนื้อที่รวม
1,929 ไร่ เป็นศูนย์ศึกษาพัฒนาการเกษตรแผนใหม่ โดยความร่วมมือจากส่วนราชการต่างๆและเอกชน
มีการแบ่งพื้นที่ภายในศูนย์เพื่อทำการสาธิตและทดลองงานต่าง
ๆ ได้แก่ การพัฒนาที่ดิน การปศุสัตว์ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
งานศิลปาชีพและโครงการสวนป่าสมุนไพร มีแปลงทดลองปลูกพืชนานาชนิด
อาทิ พันธุ์หวายที่มีในประเทศไทย อโวคาโด มะม่วงทุกพันธุ์ทั้งของประเทศไทย
และต่างประเทศ โดยจัดตั้งเป็น สวนพฤกษศาสตร์ภาคตะวันออก
เพื่อดูแลงานวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของพืชสมุนไพรต่างๆ
ภายในอาคารจัดเป็นนิทรรศการบรรยายและสาธิตการผลิตสมุนไพรต่าง
ๆ มีห้องอบสมุนไพรซึ่งเปิดบริการทุกวันพุธ-พฤหัสบดีและเสาร์-อาทิตย์
ค่าบริการ 20 บาท ผู้ที่สนใจจะเข้าชมศูนย์เป็นหมู่คณะ ต้องการเจ้าหน้าที่นำชม
ทำหนังสือติดต่อล่วงหน้า นอกจากนั้นศูนย์ฯยังมีบริการที่พัก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนในเวลาราชการ
08.0017.00 น. โทร. 0 3859 9105-6
เขาหินซ้อน ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 304
(ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี) กิโลเมตรที่ 53 อยู่ห่างจากตัวเมืองฉะเชิงเทรา
53 กิโลเมตร เป็นภูเขาที่มีความสูงไม่มากนัก ประกอบด้วยก้อนหินขนาดใหญ่น้อยรูปทรงต่างๆ
เรียงรายอยู่ตามธรรมชาติ บริเวณเขาหินซ้อนจัดเป็น สวนรุกขชาติสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ
เป็นที่ตั้งของศาลสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ประดิษฐานพระบวรราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศาลนี้เมื่อปี
พ.ศ. 2522 ด้านหลังของศาลนี้เป็นที่ตั้งของวัดเขาหินซ้อน
อำเภอสนามชัยเขต
ศูนย์ศึกษาพัฒนาการสังคมหมู่บ้าน
หรือ เรือนศานติธรรม ใช้ทางหลวงหมายเลข 3245 (พนมสารคาม-สนามชัยเขต)
เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3259 (สนามชัยเขต-ท่าตะเกียบ)ประมาณ
3 กิโลเมตร ภายในอาณาบริเวณเกือบ 13 ไร่ มีพันธุ์ไม้กว่า 700800
ชนิด เป็นสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ ภายในมีเรือนไม้แบบไทยมุงด้วยกระเบื้องว่าว
ใต้ถุนสูงสำหรับประชุมหรือบรรยาย ชั้นบนใช้เก็บและแสดงเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้านวัตถุโบราณ
ของใช้รุ่นเก่าต่างๆ ด้านหลังบ้านมียุ้งข้าวจำลองและอุปกรณ์นวดข้าว
สีข้าว บริเวณบ้านส่วนหนึ่งจัดไว้เป็นที่สำหรับตั้งค่ายพักแรมสำหรับเยาวชน
มีลานสันทนาการ และบริเวณทำกิจกรรม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร
0 3859 7441, 0 3859 7715
วัดพระธาตุวาโย
ตั้งอยู่หมู่ 2 ตำบลลาดกระทิง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3259
(สายสนามชัยเขต ท่าตะเกียบ)ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 6 กิโลเมตร
หน้าวัดจะสังเกตเห็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ภายในวัดมีเจดีย์ทรงระฆัง
ประดับด้วยกระจกสีเหลือง น้ำเงิน ขาว งดงามแปลกตา ด้านในเจดีย์มีพระพุทธรูปจำนวนมาก
และภาพเขียนสีน้ำมันเป็นเรื่องราวในพุทธประวัติ มีบันไดขึ้นไปด้านบนได้หลายชั้น
ชั้นบนสุดจะมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบและอ่างเก็บน้ำลาดกระทิง
ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก สภาพโดยรอบคงความเป็นธรรมชาติเหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
อำเภอท่าตะเกียบ
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน
เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ครอบคลุมพื้นที่ 643,750 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางของพื้นที่ป่าผืนใหญ่รอยต่อ
5 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และปราจีนบุรี
เป็นป่าอุดมสมบูรณ์ผืนสุดท้ายของภาคตะวันออก เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำบางปะกงทางด้านจังหวัดฉะเชิงเทรา
คลองโตนดจังหวัดจันทบุรีและแม่น้ำประแสในจังหวัดระยอง สภาพภูมิประเทศทั่วไปมีความลาดชันไม่มากนัก
มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 30-150 เมตร ประกอบด้วยพื้นที่ป่าปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง
มีสัตว์ป่านานาชนิดและนกพันธุ์ต่างๆ อาศัยอยู่ นอกจากนั้นยังมี
น้ำตกอ่างฤาไนหรือน้ำตกบ่อทอง อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์ป่าประมาณ
2 กิโลเมตร
การเดินทาง จากตัวเมืองใช้เส้นทางฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม
จากอำเภอพนมสารคามใช้เส้นทางหมายเลข 3245(พนมสารคาม-สนามชัยเขต)
จากนั้นไปตามเส้นทางหมายเลข 3259 ผ่านอำเภอท่าตะเกียบสู่บ้านหนองคอก
ระยะทาง 50 กิโลเมตร ต่อด้วยเส้นทางสู่อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้วอีกประมาณ
20 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนและสถานีวิจัยสัตว์ป่าฉะเชิงเทราซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน
การเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าควรปฏิบัติตามกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด
ผู้ที่มีความประสงค์จะเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จะต้องทำจดหมายขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย
15 วัน เรียนผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า
กรมป่าไม้
|