(พักกรุงอิสตันบูล
2 คืน, อายวาลิค 1 คืน, ปามุคคาเล่ 1 คืน, คัปปาโดเกีย 1 คืน,
คูซาดาซึ 1 คืน ระดับ 4 ดาว) |
โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์
ร่วมกับ Paradise Consortium ขอเสนอโปรแกรมนำเที่ยวประเทศตุรกี
สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ที่ประเทศสองทวีป คือทั้งทวีปเอเชียและยุโรป
ดินแดนแห่งอาณาจักรออตโตมันอันยิ่งใหญ่ มหานครโบราณกรุงคอนสแตนติโนเปิล
ชมสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมีปรากฏอยู่ให้เห็นทั่วทุกหนแห่ง
โดยทีมงานมัคคุเทศก์ที่ชำนาญงาน ที่พักระดับมาตรฐานและบริการอาหารในภัตตาคารเลิศรส |
สำหรับเพื่อนๆจองทริปทัวร์ ทางเราจะแจ้งเบอร์ไกด์
จุดนัดหมายและการเตรียมตัวเดินทาง ก่อนเดินทาง 5 วันครับ |
เตรียมตัวเดินทางครับ |
:
อุณหภูมิ |
|
:
เวลา |
เวลาตุรกีช้ากว่าไทย
4 -5 ชั่วโมง คือฤดูร้อน ช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง ส่วนฤดูหนาวช้ากว่าไทย
5 ชั่วโมง |
:
ภาษา |
ภาษาอังกฤษ และภาษาท้องถิ่น |
:
ไฟฟ้า |
220 โวลต์ สามารถเสียบชาร์จอุปกรณ์มือถือ
หรือกล้องถ่ายรูปได้ตามปกติ |
:
ระบบเงินตรา |
สกุลเงินตุรกี
คือ ลีร่าตุรกี มีอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 1 ดอลล่า /
1.9 ลีร่า (ไปแลกที่สนามบินตุรกีได้ครับ) การใช้จ่ายในตุรกี
สามารถใช้ได้ทั้งเงินลีร่าเงินดอลล่าร์ และเงิน ยูโร
ครับ |
:
หมายเหตุ |
น้ำหนักกระเป๋าเดินทาง
ไม่เกิน 20 กิโลกรัมครับ |
หมายเหตุ
: ทริปนี้เป็นทริปส่งจอยทัวร์กับ
Paradise Consortium |
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวตุรกี
ประเทศตุรกีมี 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนเมษายน
เดือนพฤษภาคม) ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน-เดือนกันยายน)
ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนตุลาคม- เดือนพฤศจิกายน) และ ฤดูหนาว
(เดือนธันวาคม เดือนมีนาคม)
|
|
|
โปรแกรมการเดินทาง |
ทริปเดินทาง : วันที่
30 สิงหาคม - 6 กันยายน 2558 (ท่านละ
43,900.-บาท...เปิดจองแล้ว) |
ทริปเดินทาง : วันที่
13 - 20 กันยายน 2558 (ท่านละ 43,900.-บาท...เปิดจองแล้ว) |
ทริปเดินทาง : วันที่
20 - 27 กันยายน 2558 (ท่านละ 43,900.-บาท...เปิดจองแล้ว)
|
วันแรก
: สนามบินสุวรรณภูมิ - เมืองอัลมาตี้ - กรุงอิสตันบูล |
07.30
น. |
พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ
ชั้น 4 ประตู 9 เคาน์เตอร์ R สายการบินแอร์แอสตาน่า
(KC) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ ให้การต้อนรับ อำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางก่อนขึ้นเครื่อง |
10.30
น. |
ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล
โดยสายการบิน สายการบินแอร์แอสตาน่า
เที่ยวบินที่ KC932 สายการบินที่ได้รับรางวัล World
Airlines Skytrax Awards ปี 2012, 2013, 2014 (ใช้เวลาบิน
6 ชั่วโมง 50 นาที) |
16.20
น. |
เดินทางถึง
สนามบินอัลมาตี้ล Almaty ประเทศคาซัคสถาน Kazakhstan
เปลี่ยนเที่ยวบิน |
17.55
น. |
ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล
โดยสายการบินแอร์ แอสตาน่า เที่ยวบินที่ KC 911 |
20.40
น. |
เดินทางถึง สนามบินกรุงอิสตันบูล
ประเทศตุรกี
(เวลาตุรกีช้ากว่าไทย 4 -5 ชั่วโมง คือฤดูร้อน ช้ากว่าไทย
4 ชั่วโมง ส่วนฤดูหนาวช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง) นครอิสตันบูลเป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดและเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในตุรกี
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมช่องแคบบอสฟอรัส Bosphorus เดิมชื่อว่า
คอนสแตนติโนเปิล ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์
เป็นเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมากในบริเวณนั้น จึงส่งผลให้อิสตันบูลมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป
เช่น ไบแซนเทียม คอนสแตนติโนเปิ้ล เป็นต้น หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ศุลกากรแล้ว
นำท่านเดินทางสู่ภัตตาคารบริการอาหารเย็น หลังอาหารเดินทางเข้าที่พัก
พักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พักโรงแรม Golden Way Hotel หรือเทียบเท่าระดับ
4 ดาว www.goldenway.com.tr) |
วันที่สอง
: ฮิปโปโดม-สุเหร่าสีน้ำเงิน-โบสถ์เซนต์โซเฟีย-อุโมงค์เก็บน้ำ-พระราชวัง-ตลาดสไปซ์ |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านชม สนามแข่งม้าของชาวโรมัน
หรือ ฮิปโปโดรม Hippodrome สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเซปติมิอุส
เซเวรุส เพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน
ฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้น ตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่างๆ
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธี
แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมต
ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น คือ เสาที่สร้างในอียิปต์
เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ตุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล
เสาต้นที่สอง คือเสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่
7 จากนั้นนำท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงิน
Blue Mosque ที่มาของชื่อสุเหร่าสีน้ำเงินเป็นเพราะเขาใช้กระเบื้องสีน้ำเงินในการตกแต่งภายใน
ซึ่งทำเป็นลายดอกไม้ต่างๆ เช่น ดอกกุหลาบ คาร์เนชั่น ทิวลิป
เอกลักษณ์เด่นอีกอย่างแต่อยู่ภายนอกคือ หอประกาศเชิญชวนเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำพิธีละหมาด
Minaret 6 หอ เท่ากับสุเหร่าที่นครเมกกะ จากนั้นท่านเข้าชม
โบสถ์เซนต์โซเฟีย St. Sophia ซึ่งเป็นศิลปะแบบไบแซนไทม์
ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
สร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินของจักรวรรดิไบแซนไทม์ เดิมใช้เป็นโบสถ์คริสต์แต่หลังจากจักรวรรดิออตโตมันเข้ามาปกครองจึงได้
เปลี่ยนโบสถ์ดังกล่าวมาเป็นมัสยิด แต่ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในสมัย
เคมาล อะตาเติร์ก หลังจากที่เป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์เป็นเวลากว่า
916 ปี และเป็นมัสยิดของศาสนาอิสลามอีกกว่า 447 ปี ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงามและความยิ่งใหญ่
ภายในมีภาพประดับโมเสกทองที่สมบูรณ์บ่งบอกถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่มีต่อคริสต์ศาสนา
จากนั้นนำท่านชมความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างของชาวโรมันในอดีต
อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน Yerebatan
Sarnici ซึ่งเป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอิสตันบูล
สามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศวรรษที่
6 ภายในอุโมงค์ มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง
336 ต้น และมีเสาต้นที่เด่นมากคือ เสาเมดูซ่า อิสระให้ท่านถ่ายรูปและชมความงามใต้ดินของอุโมงค์เก็บน้ำขนาดใหญ่
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคารจีน
Chang Cheng Restaurant หลังอาหารท่านเดินทางเข้าสู่ย่านตัวเมืองเก่า
นำท่านเข้าชม พระราชวังทอปกาปึ Topkapi
Palace ซึ่งสร้างในสมัยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 ภายหลังที่ทรงตีกรุงคอนสแตนติโนเปิล
หรือ อิสตันบูลในปัจจุบันได้แล้ว ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรออตโตมัน
จึงโปรดให้มีการสร้างพระราชวังนี้ขึ้นเป็นที่ประทับอย่างถาวร
พระราชวังทอปกาปึนี้มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่กินเนื้อที่เกือบ
700,000 ตารางเมตร ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงตามแนวฝั่งทะเลมาร์มาร่า
ซึ่งภายในพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่า
อาทิเช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน
หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่านในแต่ละยุคสมัย จากนั้นนำท่านสู่
ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต Spice Market หรือตลาดเครื่องเทศ
ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ
ชาหรือกาแฟ ผลไม้อบแห้งอันเลื่องชื่อของตุรกี อย่าง แอปปลิคอท
หรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ มีให้เลือกซื้อมากมาย |
เย็น |
บริการอาหารเย็นที่ภัตตาคารในโรงแรม
พักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พักโรงแรม Golden Way Hotel หรือเทียบเท่าระดับ
4 ดาว www.goldenway.com.tr) |
วันที่สาม
: พระราชวังโดลมาบาชเช่-ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส-เมืองอายวาลิค |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเข้าชม พระราชวังโดลมาบาชเช่
Dolmabahce Palace พระราชวังที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างสูงสุดทั้งทางวัฒนธรรมและทางวัตถุของจักรวรรดิออตโตมัน
ซึ่งได้แผ่ขยายอำนาจออกไปอย่างกว้างขวาง พระราชวังแห่งนี้สร้างโดย
สุลต่านอับดุล เมอซิท ในปี ค.ศ. 1843 ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น
12 ปี เพราะความที่สุลต่านทรงเป็นผู้คลั่งไคล้ยุโรปอย่างสุดขอบ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ตลอดจนการทหาร
ล้วนคัดลอกมาจากตะวันตกทั้งสิ้น พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกคู่ใจชาวอาเมเนี่ยน
ชื่อ บัลยัน เป็นศิลปะผสมผสานของยุโรปและตะวันออกที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม
ภายนอกพระราชวังประดับตกแต่งด้วยสวนไม้ดอก รายล้อมพระราชวังซึ่งอยู่เหนืออ่าวเล็ก
ๆ ของช่องแคบบอสฟอรัส ภายในประกอบด้วยห้องต่าง ๆ ตกแต่งด้วยโคมระย้า
บันไดลูกกรง แก้วเจียระไน และ โคมไฟมหึมาหนัก 4.5 ตัน ซึ่งแขวนไว้อย่างโดดเด่นในห้องท้องพระโรงใหญ่
จากนั้นนำท่าน ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส
ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ The Black Sea เข้ากับทะเลมาร์มาร่า
Sea of Marmara ความทั้งสิ้นประมาณ 32 กิโลเมตร ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกี
ชมวิวทิวทัศน์ช่องแคบ 2 ทวีป ซึ่งเป็นช่องแคบที่แยกระหว่างเอเชียกับยุโรปออกจากกัน
ชมสุเหร่าริมน้ำ มหาวิทยาลัย หรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐีสวยงามตระการตา |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองอายวาลิค
Ayvalik เริ่มต้นจาการนั่งรถโค้ชสู่ท่าเรือที่ เมืองยาโลว่า
Yalova แล้วนั่งเรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่ข้ามฝั่ง เมื่อขึ้นฝั่งแล้วนำท่านนั่งรถโค้ชคันเดิมมุ่งหน้าสู่
เมืองอายวาลิค ระหว่างทางท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตาตลอดสองข้างทาง |
เย็น |
บริการอาหารเย็นที่ภัตตาคารในโรงแรม
หลังอาหารพักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พักโรงแรม Halic Park Dikili
Hotel หรือระดับ 4 ดาว) |
วันที่สี่
: เมืองอายวาลิค-เมืองเปอร์กามัม-นั่งกระเช้าสู่ยอดเขาเพื่อชมวิหารอะโครโปลิส-เมืองโบราณเอฟฟิซุส-
เมืองปามุคคาเล่
|
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเปอร์กามัม
Pergamum นำท่าน นั่งกระเช้าสู่ยอดเขา
เพื่อชมความสวยงามของ วิหารอะโครโปลิส
Acropolis ซึ่งถูกกล่าวขวัญว่าเป็นประหนึ่งดินแดนในเทพนิยาย
มี โรงละครที่ชันที่สุดในโลก ซึ่งจุผู้ชมได้ถึง 10,000 คน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเอฟฟิซุส
City of Ephesus ซึ่งเป็นเมืองอาณาจักรโรมัน ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียในสมัยนั้น
ในอดีตเอฟฟิซุสเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของโรมันในคาบสมุทรอนาโตเลียเป็นศูนย์กลางทางการค้า
การคมนาคม ตั้งอยู่ริมทะเล จนได้รับการกำหนดให้เป็นเมืองหลวงแห่งเอเชียของอาณาจักรโรมัน
เมืองเอฟฟิซุสมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ ซากเมืองที่เห็นในปัจจุบันมีความสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
นำท่านเข้าชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ
Roman Bath ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอาบน้ำให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้
นำท่านชม วิหารแห่งจักรพรรดิเฮเดรียน
Temple of Hadrian ซึ่งเป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่อีกองค์หนึ่งของโรมัน
ความโดดเด่นของวิหารแห่งนี้คืออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก ด้านหน้าสร้างเป็นเสา
โครินเธียน 4 ต้น คู่กลางรองรับโค้งครึ่งวงกลมที่เรียงอย่างสวยงาม
โค้งด้านหลังมีภาพแกะสลักเป็นรูปนางเมดูซ่า หัวเป็นงู นำชมอาคารที่โดดเด่นที่สุดจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเอฟฟิซุส
คือ หอสมุทรเซลซุส Library of Celsus
เป็นอาคารสองชั้น ด้านหน้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเพื่อรับแสงสว่างยามเช้า
ห้องสมุดนี้สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ. 114 โดย ทิเบเรียส จูเลียส
อกีลา Julius Aquila เพื่ออุทิศให้เป็นอนุสรณ์แด่พ่อของท่าน
ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีของโรมันที่ปกครองแคว้นเอเชียไมเนอร์
ด้านหน้ามี รูปปั้นของเทพี 4 องค์ ได้แก่ Sophia (เทพีแห่งปัญญา),
Arete (เทพีแห่งความดี), Ennoia (เทพีแห่งความคิด), Episteme
(เทพีแห่งความรู้), จากนั้นนำท่านเข้าชมสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอฟฟิซุส
คือ โรงละคร Great Theatre ซึ่งสร้างโดยการสกัดไหล่เขาให้เป็นที่นั่งสามารถจุคนได้ถึง
25,000 คน คิดเป็น 1 ใน 10 ของประชากรในยุคนั้น เดิมสร้างตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ
โรมันมาปรับปรุงซ่อมแซมให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น ขนาดใหญ่ที่สุดในนครเอฟฟิซุส
คือ โรงละคร Great Theatre ซึ่งสร้างโดยสกัดเข้าไปในไหล่เขาให้เป็นที่นั่ง
สามารถจุคนได้ถึง 25,000 คน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 10 ของประชากรในยุคนั้น
สร้างสมัยกรีกโบราณ แต่พวกโรมันมาปรับปรุงให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านออกเดินทางสู่ ศูนย์ผลิตเสื้อหนังคุณภาพสูง
ผลิตเสื้อหนังส่งให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี Versace , Prada
, Michael Kors อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย
ได้เวลาพอสมควรนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่
Pamukkale คำว่า ปามุคคาเล่ ในภาษาตุรกี หมายถึง
ปราสาทปุยฝ้าย Pamuk หมายถึง ปุยฝ้าย และ Kale หมายถึง ปราสาท
เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ
35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูน (แคลเซี่ยมออกไซด์)
ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา คาลดากึ ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ
รินเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว
เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศเกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ
อันสวยงามแปลกตาและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน
จนทำให้ ปามุคคาเล่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี
ค.ศ. 1988
|
เย็น |
บริการอาหารค่ำที่ภัตตาคารในโรงแรม
หลังอาหารพักผ่อนกันตามสบาย (พัก Richmond Hotel หรือระดับ
4 ดาว www.richmondint.com.tr) |
วันที่ห้า
: เมืองปามุคคาเล่-เมืองคอนย่า-เมืองคัปปาโดเกีย |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย (ปามุคคาล่)
เมืองแห่งน้ำพุเกลือแร่ร้อน นำท่านชมหน้าผาที่ขาวกว้างใหญ่ด้านข้างของอ่างน้ำ
เป็นรูปร่างคล้ายหอยแครงและน้ำตกแช่แข็ง ถ้ามองดูจะดูเหมือนสร้างจากหิมะ
เมฆหรือปุยฝ้าย น้ำแร่ที่ไหลลงมาแต่ละชั้นจะแข็งเป็นหินปูน
ห้อยย้อยเป็นรูปร่างต่างๆ อย่างมหัศจรรย์ น้ำแร่นี้มีอุณหภูมิประมาณ
33-33.5 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ
โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะ และโรคไต
ในอดีตกาลชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคได้ ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่
เมืองคอนย่า Konya ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจูคในช่วงปี
ค.ศ. 1071-1308 รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาคแถบนี้อีกด้วย
ท่านจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่งดงามตามธรรมชาติตลอดสองฝั่งทางของภูมิภาคตอนกลางของประเทศตุรกี
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์เมฟลานา
Mevlana Museum หรือสำนักลมวน ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี
ค.ศ. 1231 โดย เมฟลาน่า เจลาเลดดิน รูบี ซึ่งเชื่อกันว่าชายคนนี้เป็นผู้วิเศษของศาสนาอิสลาม
หรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ชักชวนคนที่นับถือศาสนาคริสต์ให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม
พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ
Whirling Dervishes โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย
ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟลาน่า เจลาเลดดิน ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใน
ภายในตกแต่งประดับประดาฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม
สานุศิษย์ บิดา และบุตรของเมฟลาน่า นำท่านเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย
Cappadocia ดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์แปรสภาพเป็นหุบเขาร่องลึก
เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่าง ๆ ที่งดงาม คัปปาโดเกีย
Cappadocia เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไทต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้)
แปลว่า ดินแดนม้าพันธุ์ดี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกี เป็นพื้นที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส
และ ภูเขาไฟฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีที่แล้ว เถ้าลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายทั่วบริเวณจนทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา
จากนั้นกระแส น้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนหิน แผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อย
ๆ นับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง
ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง
ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า
ปล่องไฟนางฟ้า ในปี ค.ศ. 1985 ยูเนสโก้ได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี
|
เย็น |
บริการอาหารค่ำแบบบุเฟต์ที่ภัตตาคารภายในโรงแรม
ชมการแสดงพื้นเมือง ชมโชว์เมฟลาน่า
และระบำหน้าท้อง ประกอบดนตรีของสาวน้อยชาวตุรกี (พักที่
Yiltok Hotel หรือระดับ 4 ดาว www.yilton.net) |
วันที่หก
: เมืองคัปปาโดเกีย-พิพิธภัณฑ์เกอเรเม่-เมืองใต้ดินไคมัคลี่-ช้อปปิ้ง-เมืองอันตาเลีย
|
05.00
น. |
สำหรับท่านที่สนใจนั่งบอลลูนชมความงามของเมืองคัปปาโดเจีย
จะมีเจ้าหน้าที่ของบอลลูนมารับท่านที่บริเวณ ล๊อบบี้ (ทัวร์นั่งบอลลูนี้
ไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ ค่าขึ้นบอลลูนประมาณท่านละ 210 ดอลล่า
ท่านจะได้รับประกาศนียบัตรนั่งบอลลูนที่มีชื่อเสียงระดับโลก
แจ้งกับไกด์ในวันเดินทางครับ) |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารท่านเข้าชม นครใต้ดิน Underground
City of Kaymakli ซึ่งเป็นเมืองใต้ดินที่มีครบทุกอย่าง
ทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร
โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงของการสร้างเมืองใต้ดิน
ปัจจุบันยังสรุปไม่ได้ ส่วนใหญ่ต่างก็ลงความเห็นว่าเป็นการสร้างเพื่อใช้เป็นทีหลบภัยจากข้าศึกศัตรู
(โดยเฉพาะพวกทหารโรมัน) แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น
แต่ว่าอากาศในนั้นกลับถ่ายเทเย็นสบาย เนื่องจากเป็นหินภูเขาไฟ
อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี ประมาณ 17-18 องศาเซลเซียส หน้าร้อนอากาศเย็น
หน้าหนาวอากาศอบอุ่น จากนั้นให้ท่านได้แวะชม โรงงานทอพรม
และ โรงงานเซรามิค อิสระกับการเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึกได้ตามอัธยาศัย |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองเกอเรเม
Goreme เพื่อเข้าชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่
Goreme Open Air Museum ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง
ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์
และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์
ชม โบสถ์เซนต์บาร์บารา St. Barbar Church
โบสถ์มังกร Snake Church และ โบสถ์แอปเปิ้ล Apple Church
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน เพื่อเตรียมตัวเดินทางสู่เมืองตาอากาศที่สวยงาม
เมืองอันตาเลีย Antalya |
18.45
น. |
ออกเดินทางสู่ กรุงอัลตาเลีย
โดยสายการบิน Onu Air |
19.45
น. |
เดินทางถึง
สนามบินอัลตาเลีย นำท่านเดินทางเข้าที่พัก (พัก Grida
City Hotel หรือระดับ 4 ดาว www.gridacity.com.tr) |
วันที่เจ็ด
: เมืองอันตาเลีย-เมืองอัลมาตี้-กรุงเทพมหานคร |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านชมความสวยงามของ เมืองอันตาเลีย
Antalya ชมความงดงามของอนุสาวรีย์โบราณ รวมถึงกำแพงเมือง
ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ฮิดิร์ลิค ทาวเวอร์ Hidirlik Tower อีกหนึ่งหอคอยที่มีความสำคัญ
ซึ่งสร้างขึ้นจากหินสีน้ำตาลอ่อนเพื่อใช้เป็นป้อมปราการ หรือ
ประภาคารในอดีต ฮิดิร์ลิคทาวเวอร์ เป็นหอคอยทรงกลมที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นและเป็นจุดหมายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง
ปัจจุบันหอคอยถูกล้อมรอบไปด้วยร้านกาแฟและร้านอาหารมากมาย
จากนั้นนำท่านสู่ ประตูเฮเดรียน Hadrians
Gate ประตูชัยซึ่งสร้างขึ้นตามชื่อของจักรพรรดิโรมันเฮเดรียน
Roman Emperor Hadrian ในช่วงศตวรรษที่ 2โดยประตูนั้นถูกสร้างขึ้นในรูปแบบทรงโค้ง
จำนวน 3 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นประตูที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศตุรกีอีกด้วย
จากนั้นนำท่านชม ท่าเรือโบราณ Old Habour
เป็นท่าเรือที่มีความสวยงามมากที่สุดในบรรดาอ่าวทั้งหลายของประเทศตุรกี
มีเรือจอดเรียงรายนับเป็นร้อยลำ จะมีการตกแต่งเรื่อไปเรือโจรสลัดรูปทรงต่าง
ๆ สวยงามมาก ปัจจุบันท่าเรือแห่งนี้ได้ถูกปรับปรุงให้เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวโดยยังคงเค้าโครงเดิมไว้
ด้านบนของอ่าวจะมีบ้านเรือนที่ยังคงรักษาสภาพเดิมไว้เป็นอย่างดี
สวยงามมาก
(บริษัทฯ ไม่มีบริการอาหารกลางวัน เนื่องจากระหว่างทางที่ท่านเดินท่องเที่ยวอยู่บริเวณท่าเรือโบราณ
ท่านสามารถซื้ออาหารรับประทานได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นแซนด์วิช
หรือน้ำผลไม้ต่าง ๆ ) ได้เวลาพอสมควรนำท่านออกเดินทางสู่สนามบิน
|
14.35
น. |
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร
โดยสายการบินแอร์ แอสตาน่า เที่ยวบินที่ KC916 |
20.40
น. |
เดินทางถึง สนามบินอัลามาตี้
ประเทศคาซัคสถาน (แวะเปลี่ยนเที่ยวบิน) |
วันที่แปด
: สนามบินสุวรรณภูมิ |
01.00
น. |
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร
โดยสายการบินแอร์แอสตาน่า เที่ยวบินที่ KC 931 |
08.55
น. |
ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ
โดยสวัสดิภาพ |