(พักโรงแรมเตหะราน
2 คืน, ราชท์ 1 คืน, ชีราซ 2 คืน, ยาซด์ 1 คืนและ อิสฟาฮาน 2
คืน ระดับ 4-5 ดาว) |
•
โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ ขอเสนอโปรแกรมทัวร์ท่องเที่ยวประเทศอิหร่าน
ดินแดนแห่งอารยะธรรมเปอร์เซียที่ยาวนาวกว่า 2,500 ปี ชม มรดกโลกของอิหร่าน
อาทิ พระราชวังโกเลสตาน พระราชวังเปอร์ซีโปลิส เมืองอิสฟาฮาน
โดยทีมงานมัคคุเทศก์ที่ชำนาญงาน ที่พักระดับมาตรฐานและอาหารอิหร่านเลิศรส |
• สำหรับเพื่อนๆจองทริปทัวร์
ทางเราจะแจ้งเบอร์ไกด์ จุดนัดหมายและการเตรียมตัวเดินทาง ก่อนเดินทาง
5 วันครับ |
• หมายเหตุ
: สำหรับเพื่อนๆจองทริปทัวร์
ทางเราจะแจ้งเบอร์ไกด์ จุดนัดหมายและการเตรียมตัวเดินทาง ก่อนเดินทาง
5 วันครับ |
•
ข้อมูลการเตรียมตัวก่อนเดินทาง
|
|
• เวลา : เวลาประเทศอิหร่าน
ช้ากว่าประเทศไทย 3.30 ชั่วโมง |
• ภาษา : ภาษาอังกฤษและภาษาท้องถิ่น |
• ไฟฟ้า :
220 โวลต์ สามารถเสียบชาร์จอุปกรณ์มือถือ หรือกล้องถ่ายรูปได้ตามปกติ |
• ระบบเงินตรา
: สกุลเงินของอิหร่านคือ เรียล (อัตราแลกเปลี่ยน 100.-บาท
ได้ประมาณ 100,000 เรียล) |
• น้ำหนักกระเป๋า
: น้ำหนักสัมภาระคนละ
20 กิโลกรัม |
|
|
•
เล็กน้อยก่อนเที่ยวทัวร์อิหร่าน
1.อิหร่าน ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศอาหรับ คนอิหร่านเป็นคนเชื้อสายเปอร์เซีย
(อารยัน) พูดภาษาฟาร์ซี
2.คนอิหร่าน เป็นคนยิ้มแย้ม ชอบทักทาย ชอบถ่ายรูปและถ้ารู้ว่าเป็นคนไทยจะชอบขอมาถ่ายรูป
(ชอบคนไทยมาก)
3.การถ่ายรูป ห้ามถ่ายรูปสถานที่ราชการ ทหาร ตำรวจ ส่วนในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ถ่ายได้ครับ
4.การแต่งตัว ผู้หญิงต้องมีผ้าคลุมผม ผู้ชายห้ามนุ่งกางเกงขาสั้นครับ
5.เส้นทางท่องเที่ยว เป็นเส้นทางธรรมชาติและวัฒนธรรม จึงต้องเตรียมเสื้อผ้าและรองเท้าที่สวมใส่สบาย
6.อาหาร อิหร่านมีอาหาร ผลไม้อุดมสมบูรณ์ อาหารส่วนใหญ่เน้นเป็นปลาเทร้าซ์และผัก
7.ที่พัก โรงแรมระดับมาตรฐานระดับ 4-5 ดาว ส่วนรถบัสนำเที่ยว
ระดับมาตรฐานยุโรป ครับ
8.อิหร่านเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวปลอดภัยมาก
สำหรับเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่มีขายครับ |
•
โปรแกรมการเดินทาง |
•
ออกเดินทางวันที่ 3 - 12 ธันวาคม 2559
(ราคาท่านละ 84,900.-บาท เปิดจองแล้วครับ) |
วันแรก
: สนามบินสุวรรณภูมิ - เตหะราน |
12.30
น. |
พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ชั้น 4 ประตู 2 เคาน์เตอร์ D16-19 พบเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกเอกสารการเดินทางและสัมภาระก่อนขึ้นเครื่อง |
15.10
น. |
ออกเดินทางสู่ กรุงเตหะราน
ประเทศอิหร่าน โดย สายการบินไทย
เที่ยวบินที่ TG527
|
19.35
น. |
ถึง ท่าอากาศยานนานชาติอิหม่ามโคมัยนี
(อยู่ทางตอนใต้ของกรุงเตหะราน 60 กิโลเมตร) หลังพิธีผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว
นำท่านเดินทางเข้าสู่ กรุงเตหะราน
โดยรถโค้ชปรับอากาศ นำท่านเข้าที่พัก ให้ท่านได้พักผ่อน (พัก
Novotel Hotel หรือระดับ 4 ดาว) เวลาที่อิหร่านช้ากว่าประเทศไทย
3.30 ชั่วโมง |
วันที่สอง
: กรุงเตหะราน - หมู่บ้านมาซูเล่ห์ - เมืองราชท์ |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางขึ้นเหนือสู่ หมู่บ้านมาซูเล่ห์
(ระยะทาง 380 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5
ชั่วโมง) ระหว่างทางจะผ่านบริเวณทุ่งเกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์
ซึ่งมีทั้งไร่ชา นาข้าว และการปลูกพืช ปศุสัตว์ แต่ที่จะเห็นปลูกกันเป็นจำนวนมากก็คือ
ต้นมะกอก จะนิยมปลูกกันมากแถบเมืองแมนจิล ซึ่งจะอยู่ใกล้กับเขื่อนที่กักเก็บน้ำที่สร้างขึ้นมากมีชื่อว่า
Manjil Dam |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านชม หมู่บ้านมาซูเล่ห์
Masuleh Village อยู่ในเทือกเขาอัลโบร์ช มีอายุไม่น้อยกว่า
500 ปี ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามของแมกไม้และขุนเขา
บ้านแต่ละหลังจะสร้างไล่เรียงลดหลั่นกันขึ้นไปตามไหล่เขา ท่านสามารถยืนถ่ายภาพบนลานกว้างหน้าบ้านของหลังหนึ่งและในขณะเดียวกันลานแห่งนั้นเองก็คือหลังคาบ้านของหลังที่อยู่ถัดลงมาด้วย
สิ่งนี้คือความแปลกที่ไม่เหมือนกับหมู่บ้านอื่น ซึ่งนับเป็นจุดเด่นของหมู่บ้านมาซูเล่ห์แห่งนี้นี่เอง
ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระองค์ได้เสด็จประพาสหมู่บ้านแห่งนี้มาแล้ว
เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2547 ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันเรียกถนนที่ขึ้นสู่หมู่บ้านมาซุเลห์ตามทางที่พระองค์เสด็จวาถนนสายเจ้าหญิง
หรือ Princess Road มีเวลาให้ท่านได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้ตามอัธยาศัย
ได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองราชท์
(ระยะทาง 63 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1.30
ชั่วโมง) |
เย็น |
บริการอาหารค่ำที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้าที่พัก พักผ่อนตามสบาย (พัก Kadus
Hotel โรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองราชท์ หรือระดับ 4 ดาว) |
วันที่สาม
: เมืองราชท์ - เมืองกาซวิน - กรุงเตหะราน - เมืองชีราซ
|
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่อดีตเมืองเหลวงเก่าของประเทศอิหร่าน
เมืองกาซวิน Qazvin (ระยะทาง
172 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) นำท่านชม
ศาลเจ้าชาห์ซาเดห์ ฮุซเซน The Holy
Shrine of Shahzadeh Husain เป็นสถานที่ฝังศพของฮุซเซนและเป็นที่บูชาสักการะต่อฮุซเซนในนิกายชีอะห์
สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองกาซวิน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความงดงามและเป็นที่นิยมของชาวอิหร่านในการที่จะมาแสวงบุญ
อิหม่ามซาเดห์ ฮุซเซนเป็นบุตรชายของอิหม่ามเรซา (อิหม่านคนที่
8) ในหนังสือ “ตาริคห์ อี โกซีเดห์ ” ได้บันทึกไว้ว่าอิหม่ามเรซามีลูกชายทั้งหมด
4 คน คือ มูฮัมหมัด, จาวาด, จา อัฟฟา และ ฮุซเซน ซึ่งศพของฮุซเซนก็ได้ถูกฝังลงในสถานที่แห่งนี้
ศาลเจ้าชาห์ซาเดห์ ฮุซเซนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในช่วงปลายศตวรรษที่
9 และต้นศตวรรษที่10 และเป็นหนึ่งในที่สักการะของชาวเมืองกาซวิ้นในช่วงกลางศตวรรษที่
11 ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างในช่วงปลายศตวรรษที่ 10 ในการปกครองของราชวงศ์
ซาฟาวิด พระเจ้าชาร์ ตาห์มาเซ็บ ตัวอาคารของศาลเจ้าเป็นศิลปะแบบสถาปัตยกรรมอิสลาม
โดยมีทั้งในรูปแบบงานกระเบื้องและงานกระจกซึ่งสองสิ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ทั้งชนชาวพื้นเมืองและนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเข้าชมเป็นจำนวนมาก
โดยรวมของศาลเจ้าจะประกอบไปด้วย ลานกว้างขนาดใหญ่ โถง 8 เหลี่ยม
น้ำพุแปดเหลี่ยมสำหรับดื่มน้ำ และห้องที่มีโดมปกคลุมเล็กๆ
ห้องนั้นคือที่ที่ๆฝังศพของฮุซเซน ศาลเจ้าแห่งนี้มีประตูทางเข้าที่สูงมากโดยมีการสลักป้ายที่มีตัวหนังสือสีขาวที่เป็นบทกลอนทั้งสิบสองจาลึกไว้อยู่ |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตาคาร
หลังอาหารนำท่านสู่ ตลาดกาซวิน Qazvin Bazaar เป็นตลาดที่มีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจและเก่าแก่นานนับพันปี
ปัจจุบันมีความเชื่อว่าตลาดแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์ซาฟาวิด(1501
– 1736 ) และส่วนใหญ่ถูกต่อเติมในสมัยราชวงศ์คาจาร์ (1785
-1925) ตลาดกาซวิ้นมีเนื้อที่ประมาณ 14 เฮคเตอร์ และมีทางเข้าหลัก
3 ทาง และถูกเพิ่มในเวลาต่อมาอีกสองประตู คือทางด้านตะวันออกและทางทิศใต้
ในสมัยก่อนตลาดนี้ประกอบไปด้วย มัสยิด โรงเรียน ห้องอาบน้ำสาธารณะ
บ่อเก็บน้ำ ส่วนที่สำคัญที่สุดในตลาดคือ มัสยิด ออน น่าบี
Masjid-On-Nabi Mosque ที่มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 14,000 ตารางเมตร
ถูกก่อสร้างใหม่ในช่วงสมัยกษัตริย์ ฟาตาลี มีระเบียง 4 ด้าน
3 ทางเข้า มีโดมขนาดใหญ่ของมัสยิดอยู่ด้านหลังสุดทางทิศใต้ของระเบียง
ทางเข้าหลักของอาคารอยู่ทางทิศเหนือ ภายในถูกตกแต่งด้วยลวดลายสวยงาม
ภายนอกถูกตกแต่งด้วยงานกระเบื้องหลากสี นอกจากนี้ยังมี ซารายี
ฮัจ เรซ่า Sara-Ye-Haj Reza เป็นคาราวานซาราย หรือที่พักของกองคาราวาน
ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับมัสยิด ที่สร้างในสมัยราชวงศ์คาจาร์โดยคำสั่งของ
ซา เด ออซ ซัลตาเนห์ ผู้ว่าการเมืองกาซวินในขณะนั้น ในสมัยก่อนถูกใช้โดยพ่อค้าชาวทาบลิสและชาวคอเคเชี่ยน
มีเนื้อที่ประมาณ 2.6 เฮคเตอร์ คาราวานซารายแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการค้าหลักของพ่อค้าต่างเมืองที่จะมาทำการแลกเปลี่ยนสินค้ากันในที่สถานแห่งนี้
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่กรุงเตหะรานอีกครั้ง เพื่อขึ้นเครื่องบินสู่
เมืองชีราซ Shiraz
|
เย็น |
บริการอาหารเย็นที่ภัตตาคาร
หลังอาหารเดินทางสู่ สนามบินเตหะราน |
.........
น. |
ออกเดินทางโดย สายการบินภายในประเทศ
สู่ เมืองชีราซ |
.........
น. |
เดินทางถึงสนามบิน
เมืองชีราซ นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ให้ท่านพักผ่อนกันตามอัธยาศัย
(พัก Chamran Hotel หรือระดับ 5 ดาว)
|
วันที่สี่
: เมืองชีราซ-มัสยิดสีชมพู-คฤหาสน์โบราณ-สุสานฮาเฟซ-ป้อมคาริมข่าน-ตลาดวาคิล
บาซาร์
|
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านชมความสวยงามของ มัสยิดสีชมพู
Nasir-O-Molk ภายในประดับประดาไปด้วยกระเบื้องโทนสีแดง
สีชมพู สีเหลือง เป็นสีหลัก ซึ่งเป็นเพียงมัสยิดแห่งเดียวในอิหร่าน
ไม่ว่าท่าจะมองมากจากมุมใดของมัสยิดก็ตามท่านจะได้เห็นสีของกระเบื้องที่ตกแต่งภายในเป็นสีชมพูสวยงามเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดดยามเช้าที่สาดแสงผ่านกระจกสีลงมากระทบพื้นดูสวยงามเกินคำบรรยายจริงๆ
จากนั้นนำท่านเดินทางชม คฤหาสน์โบราณ
Naranjestan e Ghavam มีอายุกว่า 125 ปี สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์
กอญัร อยู่ระหว่างปี 1879-1886 เป็นสถาปัตยกรรมบ้านโบราณประจำยุคกอญัร
ภายนอกตกแต่งสวนสวยแบบเปอร์เซียที่สวยงามและร่มรื่นอีกด้วย |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเยี่ยมชม สุสานท่านกวีเอกฮาเฟซ
Aramgah E Hafez นักปรัชญาของเปอร์เซียแห่งเมืองชีราซ
ในยุคศตวรรษที่ 12 บริเวณโดยรอบสุสานของท่านได้มีการตกแต่งสวนสวนสไตล์เปอร์เซียได้อย่างสวยงาม
จากนั้นนำท่านสู่ ป้อมคาริมข่าน Karim
Khan Citadel หรือ Ark-E Karim Khan สร้างโดยท่านคาริมข่าน
แห่งราชวงศ์ชัน ในช่วงที่สถาปนาเมืองชีราซให้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซีย
ปีค.ศ. 1750-1795 ผนังของป้อมมีความสูง 14 เมตร สร้างด้วยอิฐ
นำมาเรียงต่อกันให้มีลวดลายที่สวยงามอย่างมีเอกลักษณ์ นำท่านเดินสู่
ตลาดวิคิล บาซาร์ Vakil Bazaar ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่และใหญ่ที่สุดย่านใจกลางเมืองชีราซ
ตลาดแห่งนี้สร้างได้อย่างสวยงาม และโครงสร้างของตัวอาคารจะก่อด้วยอิฐสีแดง
นำมาประกอบเรียงกันเป็นทรงโดมติดต่อกันมีความยาวหลายร้อยเมตร
ในตลาดแห่งนี้ประกอบไปด้วยสินค้ามากมายให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายหาของฝากของที่ระลึก
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของกินของใช้ หรือของที่ระลึกต่าง ๆ
|
เย็น |
บริการอาหารค่ำที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้าที่พัก พักผ่อนตามสบาย (พัก Chamran
Hotel หรือระดับ 5 ดาว) |
วันที่ห้า
: เมืองชีราซ-พระราชวังโบราณเปอร์ซีโปลิส-นัค เช รอสตัม-อะบาคูห์-เมืองยาซด์
|
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านสู่ พระราชวังโบราณเปอร์ซีโปลิส
Persepolis ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองชีราซ พระราชวังโบราณแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นแห่งที่สองนับตั้งแต่สถาปนาอาณาจักรเปอร์เซียขึ้นเมื่อปี
559 ก่อนคริสตศักราช เริ่มสร้างโดยกษัตริย์ดาริอุสมหาราชในปี
512 ก่อนคริสตศักราช หลังจากนั้นก็มีการก่อสร้างเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องในอีก
5 รัชกาลต่อมา แต่ก็ยังไม่เคยสร้างเสร็จสมบูรณ์ จนกระทั่งมาถูกยึดครองและเผาทำลายเสียหายอย่างหนักโดยพวกกองทัพของอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งอาณาจักรกรีซในปี
300 ก่อนคริสตศักราช แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พระราชวังโบราณเปอร์ซีโปลิสแห่งนี้ก็ยังคงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์อันยิ่งใหญ่ตลอดกาล
ทั้งความใหญ่โตโอฬารของตัวพระราชวังและความอลังการทางด้านสถาปัตยกรรม
จากนั้นนำท่านแวะชมสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่มีความเกี่ยวเนื่องกับพระราชวังเปอร์ซีโปลิส
อยู่ห่างออกไปเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น นั่นคือ นครหลังความตาย
นัค-เช รอสตัม Naqsh-e-Rostam หรือ สุสานสี่กษัตริย์ สถานที่แห่งนี้เป็นสุสานของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์อะคามินิดที่เคยปกครองอาณาจักรเปอร์เซียและเคยประทับที่พระราชวังแห่งนี้มาก่อนที่จะสวรรคต
แต่ด้วยความเชื่อตามหลักคำสอนของศาสนาโซโรแอสเตอร์ที่ว่า หลังจากจบสิ้นชีวิตจากความเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้แล้ว
ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อเพียงแต่ว่าจะต้องไปสู่อีกโลกหนึ่งหรือในอีกมิติหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นจึงต้องสร้างสุสานแห่งนี้ขึ้นมาให้มีความยิ่งใหญ่อลังการ
เช่นเดียวกับพระราชวังที่กษัตริย์เหล่านั้นเคยประทับมาก่อน
โดยการสร้างสุสานนั้นก็ไม่ได้สร้างอย่างธรรมดาทั่วๆไป มีการสร้างโดยการขุดเจาะเข้าไปเป็นห้องขนาดใหญ่บนหน้าผาหิน
ซึ่งอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 20 เมตร และได้มีการแกะสลักหินส่วนหน้าให้มีความสวยงามอีกด้วย
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ทางตอนเหนือสู่ เมืองยาซด์ Yazd
อดีตเมืองศูนย์กลางทางการค้าในยุคโบราณในถิ่นทะเลทรายที่สำคัญที่สุดตั้งแต่ศตวรรษที่
11 เป็นต้นมาจวบจนปัจจุบัน โดยจะผ่าน เมืองอะบาคูห์ Abakuh
ที่มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 มีโบราณสถานที่สำคัญหลงเหลืออยู่ให้คนรุ่นปัจจุบันได้ชื่นชมในภูมิปัญญาของคนโบราณนั่นก็คือ
โดมสำหรับการทำน้ำแข็ง หรือ Ice House นั่นเอง เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ช่างฝีมือเปอร์เซียโบราณได้คิดค้นขึ้นมาอย่างน่าทึ่ง
จุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหากับการเผชิญสภาพอากาศร้อน ทำให้ชาวบ้านได้มีน้ำแข็งไว้แช่น้ำดื่มให้ให้มีความเย็นเพื่อดับกระหายคลายร้อน
แวะ ชมโรงทำน้ำแข็งยุคโบราณ ณ เมืองอะบาคูห์ ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางต่อสู่
เมืองยาซด์ (ระยะทาง 172 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ
2.30 ชั่วโมง) และก่อนที่จะเข้าสู่ตัวเมืองยาซด์ นำท่านชมศาสนสถานและเคยเป็นศูนย์กลางของศาสนา
โซโรแอสเตอร์ในอดีต ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านใต้ของเมืองยาซด์
เป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยตัวอาคารหลักในการทำพิธีกรรมทางศาสนา
มีบ่อน้ำดื่มน้ำใช้อยู่ใต้ดิน ห้องครัว ห้องพัก และแท่นทำพิธีศพที่อยู่ด้านหลังตัวอาคาร
ทั้งหมดนี้สร้างด้วยดินเหนียวตากแห้งและเรียกรวมกันว่า Tower
of Silence ท่านจะได้สัมผัสกับศาสนสถานที่เก่าแก่ที่สุดของโลก
เมืองยาซด์เป็นศูนย์กลางของศาสนาโซโร แอสเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ในระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน ของทุกปี จะมีผู้คนที่นับศาสนาโซโรแอสเตรียนจากทั่วทุกมุมโลกจะมาร่วมตัวกันร่วมทำพิธีบูชาเทพอะหุรามาสดาครั้งใหญ่กันประจำ
ณ สถานที่แห่งนี้ โดยจะจัดพิธีที่ชื่อว่า Pir-e-Sabz Fire
Temple ซึ่งเป็นศูนย์กลางในปัจจุบัน ตั้งอยู่ในถิ่นทะเลทรายทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองยาซด์
ห่างออกไปอีกประมาณ 62 กิโลเมตร
|
เย็น |
บริการอาหารเย็นที่ภัตตาคาร
หลังอาหารให้ท่านพักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พัก Safaieh Hotel
โรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองยาซด์ หรือระดับ 5 ดาว) |
วันที่หก
: เมืองยาซด์ - เมืองนาอิน - เมืองอิศฟาฮาน |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านชม ศาสนสถานโซโรแอสเตอร์ Ateshkadeh Fire Temple
ชาวโซโรแอสเตรียนในเมืองยาซด์ก็จะใช้สถานที่แห่งนี้ในการทำพิธีบูชาเทพอะหุรามาสดา
ซึ่งเป็นเทพสูงสุดของศาสนานี้และท่านศาสดาโซโรแอสเตอร์ซึ่งเป็นผู้เผยแผ่คำสอนมาตั้งแต่
628 ปีก่อนคริสตกาล การเข้าชมย่อมต้องให้ความเคารพต่อศาสนสถานโดยการไม่ส่งเสียงดัง
และอยู่ในอากับกิริยาที่สำรวมเมื่อท่านเข้าไปภายในห้องทำพิธี
ซึ่งจะมีเปลวไฟลุกโชติช่วงอยู่ตลอดเวลา เปรียบดังพระอาทิตย์ที่ไม่มีวันดับ
จากนั้นนำท่านชม มัสยิดประจำเมืองยาซด์ Masjid-e-Jameh มีเสามินาเร่ห์ที่สูงถึง
48 เมตร สูงที่สุดในประเทศอิหร่าน สร้างในศตวรรษที่ 15 จากนั้นเดินทางเท้าท่องเที่ยวต่อสู่เขตเมืองเก่าของยาซด์
ซึ่งประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญต่าง ๆ คือ Tomb of 12 Imams
เป็นโบราณสถานของศาสนาอิสลามนิกายซีอะห์ สร้างในคริสตต์ศตวรรษที่
11 ตอนต้น ภายในมีบันทึกรายชื่อของอิหม่าม 12 องค์ ซึ่งเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงหลังจากการเสียชีวิตของท่านศาสดามูฮัมหมัด
เริ่มนับองค์แรกคืออิหม่ามอาลี โดยไม่นับรวมตำแหน่งกาหลิบ
ซึ่งเป็นผู้สืบทอดของนิกายซุนนี่ สถานที่อีกแห่งหนึ่งคือ Alexander’s
Prison เป็นโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามนิกายซีอะห์ สร้างในคริสต์ศตวรรษที่
15 โดยตั้งอยู่บริเวณใกล้กันกับ Tomb of 12 Imams |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองอิศฟาฮาน Isfahan โดยจะเดินทางผ่าน
เมืองนาอิน Naein เป็นเมืองขนาดเล็ก แวะเที่ยวชมเขตเมืองเก่าและ
ชมมัสยิดประจำเมือง หรือ Jameh Mosque ที่เชื่อว่ามีความเก่าแก่ที่สุดในบรรดามัสยิดทั้งหลายในประเทศอิหร่าน
ได้เวลาพอสมควรออกเดินทางต่อสู่เมืองอิศฟาฮาน (ระยะทาง 144
กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) อดีตเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซียแห่งยุคที่มีความรุ่งเรืองสูงสุดอีกครั้งหนึ่งในศตวรรษที่
17-18 มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซาฟาวิด
ซึ่งเป็นชาวเปอร์เซียแท้ และเมืองหลวงอิศฟาฮานก็กลายเป็นทั้งเมืองศูนย์กลางการปกครองและเมืองศูนย์กลางทางการค้า
จนได้รับฉายาว่า Esfahan is half of the world ไม่ว่าใครจะต้องการสินค้าอะไรก็ตาม
ก็ต้องไปหาซื้อกันที่เมืองอิศฟาฮาน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรเปอร์เซียได้เชื่อมสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรต่าง
ๆ รวมทั้งสยามซึ่งจะตรงกับยุคสมัยของกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย
|
เย็น |
บริการอาหารเย็นที่ภัตตาคาร
หลังอาหารให้ท่านพักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พักโรงแรม Kowsar
Hotel หรือระดับ 5 ดาว) |
วันที่เจ็ด
: เมืองอิศฟาฮาน-พระราชวังเชเฮลโซตุน-พระราชวัง ฮาชท์ เบเฮชท์-โบสถ์แว้งค์-มัสยิดอิหม่าม-พระราชวังอาลีคาปู |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเข้าชม พระราชวังเชเฮล
โซตุน Chehel Sotun Palace หรือ วัง 40 เสา ซึ่งความเป็นจริงแล้วมีเสาเพียง
20 เสาเท่านั้น แต่เมื่อมองผ่านเข้ามาทางสระน้ำหน้าพระราชวังจะเป็นเงาในน้ำอีก
20 ต้น พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1657 โดยสถาปนิก
ชื่อ ชีคห์ บาไฮ รอบพระราชวังมีสวนเขียวชอุ่ม ดอกไม้ชูช่อสวยงามในฤดูใบไม้ผลิ
โดยเฉพาะดอกกุหลาบที่ห้อยเป็นพวงระย้าส่งกลิ่นหอมน่าชื่นใจ
พระราชวังแห่งนี้สร้างในสมัยชาฮ์ อับบาสที่ 2 แต่ได้มีการออกแบบมาตั้งแต่สมัยชาฮ์อับบาสที่
1 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นที่พักผ่อนของกษัตริย์และบรรดานางสนาม
ต่อมาใช้เป็นที่ต้อนรับอาคันตุกะหรือแขกเมือง ในพระราชวังแห่งนี้มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า
มีความยาว 100 เมตร และ
กว้าง 16 เมตร ชมการแกะสลักลวดลายประตู หน้าต่าง ภาพฝาผนังปูนปั้น
ชมภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่ที่อยู่ภายใต้ตำหนัก บอกเล่าเรื่องราวราชสำนักและประวัติศาสตร์การทำสงคราม
นำท่านชม พระราชวัง ฮาชท์ เบเฮชท์ Hasht
Behesht Palace สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1660 เป็นพระราชวังขนาดเล็ก
แต่ตกแต่งได้อย่างสวยงาม จนได้ชื่อว่าเป็น สวรรค์ทั้งแปด ตามความหมายของชื่อพระราชวัง
แต่สภาพในปัจจุบันก็ทรุดโทรมไปมากตามกาลเวลา ความวิจิตรที่เคยมีมาในอดีตก็ลดน้อยลงไปตามวันเวลา
พระราชวังแห่งนี้มีสวนที่มีความร่มรื่นเป็นอย่างมาก มีภาพเขียนสีบอกเล่าเรื่องราวต่าง
ๆ สวยงามเป็นอย่างมาก จากนั้นนำท่านเข้าชม วิหารแว้งค์
Vank Church ที่ตั้งอยู่ในชุมชนของชาวอาร์เมเนียน ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวอาร์เมเนียนที่นับถือศาสนาคริสต์
ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1655 ในรูปแบบผสมผสานศิลปะของยุโรปและของเปอร์เซีย
พร้อมกับชม พิพิธภัณฑ์ของโบสถ์ ซึ่งจะแสดงเกี่ยวกับหนังสือ
เครื่องแต่งกาย ประวัติศาสตร์ความเป็นมา ได้เวลาพอสมควรนำท่านสู่
พิพิธภัณฑ์พรมเปอร์เซีย เป็นพรมที่มีชื่อเสียงของอิหร่าน ให้ท่านได้ศึกษาเรียนรู้วิธีการขั้นตอนการถักทอพรมตามแบบฉบับของชาวเปอร์เซีย
ต่อด้วยด้วยการชมร้านขายของหอมต่าง ๆ ที่ทำมากจากดอกไม้กลิ่นหอมชนิดต่าง
ๆ ผลิตภัณฑ์ที่ถนอมผิวในการอาบน้ำของชาวเปอร์เซีย
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเยี่ยมชม จัตุรัสนัค
เอ ฌะฮาน Naqsh-E-Jahan ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งนับว่าเป็น
จัตุรัสที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจัตุรัสเทียนอันเหมิน
ที่มีความกว้าง 165 เมตร และมีความยาวถึง 500 เมตร รวมเนื้อที่ประมาณ
80,000 กว่าตารางเมตร ใหญ่กว่าจัตุรัสแดงในกรุงมอสโคว์ถึง
2 เท่า ในอดีตเป็นสนามแข่งโปโล หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
จัตุรัสอิหม่าม Imam Square
อัญมณีแห่งโลกมุสลิมที่ผนวกรวมทั้งแนวความคิด ปรัชญา และสถาปัตยกรรมที่สวยงามเอาไว้ในที่เดียวกัน
นำท่านเข้าชม มัสยิดอิหม่าม Imam Mosque ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1612 โดยมียอดโดมสูง 30 เมตร และมีเสามินาเรตที่มีความสูง
40 เมตร เข้าชม มัสยิดชีคห์ ลอทฟอลลาห์
Sheikh Lotfollah Mosque ซึ่งสร้างโดยชาห์ อับบาสที่
1 เช่นเดียวกัน ซึ่งจะใช้เป็นมัสยิดส่วนพระองค์และราชวงศ์เท่านั้น
โดยเฉพาะตัวโดม ซึ่งถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศ จากนั้นนำท่านเข้าชม
พระราชวังอาลี คาปู Ali Ghapou Palace
ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ชาห์ อับบาสที่ 1 โยมีการสร้างเพิ่มเติมจนมีทั้งหมด
6 ชั้น ซึ่งได้ถูกตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมที่หลากหลายโดยช่างฝีมือชั้นยอด
จิตรกรชั้นครูในสมัยนั้น พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับและรับรองแขกบ้านแขกเมือง
พร้อมกันนนี้ชั้นบนสุดยังได้ตกแต่งเป็นห้องสำหรับฟังเพลงและเล่นดนตรี
จากนั้นอิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งของกินของฝากมากมายที่บริเวณรอบๆจตุรัส |
เย็น |
บริการอาหารเย็นที่ภัตตาคาร
หลังอาหารพักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พักโรงแรม Kowsar Hotel หรือระดับ
5 ดาว) |
วันที่แปด
: เมืองอิศฟาฮาน-หมู่บ้านอะบียาเน่ห์-เมืองคาชาน-เตหะราน
|
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านอะบียาเน่ห์
Abyaneh Village หมู่บ้านโบราณที่อยู่บนเทือกเขาซาร์โกรส
ซึ่งใกล้กับบริเวณที่เรียกว่ายอดเขาคาคลาส มีความสูงถึง 3,899
เมตร (ระยะทาง 186 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2.30
ชั่วโมง) หมู่บ้านนี้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวอิหร่านและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
เนื่องจากยังมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบเดิมๆ ใช้ภาษาปาเธียน
เป็นภาษาพูดในหมู่บ้าน ผู้หญิงจะใช้ผ้าคลุมศีรษะเป็นลวดลายดอกไม้
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่สำคัญคือ บ้านทุกหลังจะถูกฉาบด้วยดินโคลนสีแดง
(เหมือนอิฐเผาบ้านเรา) ผสมกับเศษของต้นมอลท์ (พืชที่ใช้หมักเบียร์)
เหมือนกันไปหมดทุกหลัง ล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูง ให้ท่านได้พักผ่อน
ถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองคาชาน
Kashan (ระยะทาง 87 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ
1.30 ชั่วโมง) มีชื่อเสียงด้านการทำเครื่องปั้นดินเผา กระเบื้องเคลือบ
และการทอผ้า ทอพรม ต่อมาในยุคของราชวงศ์ ซาฟาวิด ปกครองเมืองคาชานก็ได้มีความเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้นในฐานะเมืองศูนย์กลางทางการค้า
และเป็นที่เป็นประตูสู่เมืองต่าง ๆ ในพื้นที่ทะเลทรายทางด้านตะวันออก
นำท่านชม คฤหาสน์เศรษฐี Borujerdi Ancient
House สร้างมาตั้งแต่ยุคที่เมืองคาชานเคยรุ่งเรืองบนเส้นทางการค้าในอดีต
สมัยราชวงศ์ซาฟาวิดปกครองเปอร์เซีย เป็นยุคที่มีการค้ารุ่งเรืองอย่างถึงขีดสุด
และเมืองคาชานก็เป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางทางการค้าแห่งยุคที่มีความสำคัญอีกเมืองหนึ่ง
มีพ่อค้าวาณิชย์ที่เป็นมหาเศรษฐีมากมาย คฤหาสน์เศรษฐีหลังนี้ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายหลัง
ที่เป็นมรดกตกทอดมาสู่คนในยุคปัจจุบันให้เราได้เห็นและย้อนรำลึกถึงในช่วงที่เมืองคาชานเจริญสุดขีด
ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางต่อสู่ กรุงเตหะราน
Tehran (ระยะทาง 244 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ
3 ชั่วโมง) |
เย็น |
บริษัทอาหารเย็นที่ภัตตาคาร
หลังอาหารพักผ่อนกันตามอัธยาศัย….(พัก Parsian Azadi Hotel
หรือระดับ 5 ดาว) |
วันที่เก้า
: กรุงเตหะราน-พระราชวังโกเลสตาน-ตำหนักเขียว ตำหนักขาว-พิพิธภัณฑ์เครื่องเพชร-สนามบินเตหะราน |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเข้าชม พระราชวังโกเลสตาน
Golestan Palace หรือ วังสวนกุหลาบ เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่มาก
ย้อนไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาฟาวิด เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 16
ยังมีร่องรอยสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลืออยู่ คือ ป้อมสูง Citadel
สำหรับส่องดูข้าศึก และสถานอาบน้ำแบบเติร์ก ส่วนตัวอาคารแบบตะวันตก
ที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบันนั้นมีเพิ่มเติมเข้ามาเมื่อกษัตริย์ราชวงศ์รองสุดท้ายของเปอร์เซีย
คือราชวงศ์คาจาร์ กษัตริย์นัสเซอร์ อัล-ดิน ชาห์ ได้เสด็จเยือนยุโรปแล้วเห็นความเจริญ
และความสวยงามทางสถาปัตยกรรมแล้วประทับใจจึงนำศิลปะยุโรป ดังกล่าวเข้ามาผสมกับวิถีชีวิตของชาวอิหร่าน
ดังเช่น ตำหนักแบบนีโอคลาสสิคของยุโรป โกเลสตานแห่งนี้ นำท่านชม
พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับตำหนัก Sa’Ad Abad
Palace ในสถานที่นี้ประกอบไปด้วยตำหนักถึง 7 แห่งด้วยกัน
ซึ่งมีเนื้อที่กว้างใหญ่ประมาณ 410 เฮกต้าร์ ที่ประกอบไปด้วยตำหนักต่าง
ๆ ที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำหนักเขียวและตำหนักขาว
ในอดีต ตำหนักขาว White Palace เป็นที่ประทับของกษัตริย์ชาร์
ปาห์ลาวี กษัตริย์องค์สุดท้ายก่อนถูกโคไมนีปฏิวัติ และเป็นที่เก็บสะสมของมีค่ามากมาย
อาทิเช่น พรมเปอร์เซียที่มีชื่อเสียง เครื่องประดับต่าง ๆ
และเครื่องปั้นดินเผา จากนั้นนำท่านเข้าชม ตำหนักเขียว
Green Palace ซึ่งสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป โดยใช้หินอ่อนสีเขียวและภายในประดับด้วย
สถาปัตยกรรมกระจกที่งดงามตระการตาอย่างมาก
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านชม พิพิธภัณฑ์เครื่องเพชรพลอย
National Jewelry Museum สถานที่แห่งนี้ถูกดูแลรักษา
และมีการบริหารงานอย่างเข้มงวดโดยธนาคารชาติของอิหร่าน ภายในเต็มไปด้วยเครื่องเงิน
ทอง และเครื่องประดับอัญมณีเพลรพลอย ไข่มุก อันล้ำค่ามากมายเกินกว่าจะประมาณราคาได้
ซึ่งมีของที่สำคัญต่าง ๆ ทั้งสิ้น ชม เพชรสีชมพูที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มีน้ำหนักถึง 182 กะรัต ชม ลูกโลกที่ประดับด้วยอัญมณีห้าหมื่นกว่าชิ้น
ซึ่งมีน้ำหนัก 18,200 กะรัต และชม พระราชบัลลังก์ของกษัตริย์ที่เคยนั่งครองราชย์
ซึ่งประดับด้วยเพชรนิลจินดามากกว่า 26,000 ชิ้น ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่
สนามบิน Imam Khomeini International Airport (IKA)
เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย (บริษัทฯ จะมีเงินสดให้ท่านคนละ
20 USD ให้กับทุกท่าน สำหรับเลือกซื้ออาหารรับประทานในสนามบินได้ตามอัธยาศัย)
|
20.45
น. |
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ
โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่
TG 528 |
วันที่สิบ
: สนามบินสุวรรณภูมิ |
06.40
น. |
ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ
โดยสวัสดิภาพ |