ประวัติศาสตร์เนปาล ราชอาณาจักรเนปาลมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 2,000 ปี โดยเริ่มจากชนเผ่า Kirates ในเขตหุบเขากาฐมาณฑุ ต่อมาในราวคริสต์วรรษที่ 4 ตระกูลลิจฉวี (Lichhavis) ได้ปกครองดินแดนแถบนี้ โดยได้รับอิทธิพลฮินดูและพุทธจากอินเดีย ประวัติศาสตร์เนปาลได้ปรากฏเด่นชัดขึ้นเมื่อราชวงค์มัลละ (Malla) ได้ปกครองพื้นที่ทางตะวันตกของเนปาล และหุบเขากาฐมาณฑุ (Kathmandu Valley) ทั้งหมด ในพุทธศตวรรษที่ 18-21 ต่อมาราชอาณาจักรของราชวงค์มัลละถูกแบ่งออกเป็น 3 อาณาจักรคือ กาฐมาณฑุ ภักตะปุร์ ละลิตปุร์(ปะฏัน) และกีรติปุร์ (ราชอาณาจักร Bhadgaon และราชอาณาจักร Patan) กษัตริย์แห่งราชวงศ์มัลละผู้ปกครองกรุงกาฐมาณฑุได้ให้กรสนับสนุนในด้านศิลปะและวัฒนธรรมอย่างเต็มที่ ต่อมามีการรณรงค์ในเรื่องการรวมชาติโดยกษัตริย์ปฤถวี นารายยัณชาห์ มหาราช (King Prithvi Narayan Shah the Great) ในปีพ.ศ. 2311 ซึ่งพระองค์ทรงเป็นต้น ราชงศ์ชาห์ในปัจจุบัน กษัตริย์ปฤถวีนารายัณ ชาห์ มหาราชาได้สถาปณาราชอาณาจักร Gorkha โดยรวบรวมอาณาจักรทั้งหมดของเนปาลเป็นอาณาจักรเดียว ต่อมาเนปาลได้รับชัยชนะในการทำสงครามกับผู้มารุกราน อาทิอังกฤษด้านอินเดีย และจีนทางด้านทิเบต ในช่วงนี้เนปาลปกครองโดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารประเทศในบรรดาศักดิ์ รานะ (Rana) ที่สืบทอดกันมาในตระกูล Shamsher ประมาณ 100 ปี ช่วงดังกล่าวกษัตริย์เป็นประมุขแต่เพียงในนามเท่านั้น จนกระทั่งปีพ.ศ. 2493 อำนาจในการบริหารประเทศจึงกลับคืนมาสู่กษัตริย์อีกครั้งซึ่งในขณะนั้นคือสมเด็จพระราชาธิบดีตรีภูวัน (Tribhuvan) และขณะเดียวกัน พรรค Nepali Congress (NC) ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นพรรคการเมืองพรรคแรกในเนปาล กษัตริย์แห่งราชวงศ์ชาห์ได้ขึ้นครองราชย์ปกครองประเทศต่อจากราชวงศ์มัลละ การปฏิวัติในเดือนพฤษจิกายน พ.ศ. 2493 เป็นการสิ้นสุดช่วงการปกครองโดยบรรณาศักดิ์รานะที่ปกครองประเทศเป็นระยะเวลา 104 ปี (พ.ศ. 2389-2493) หลังจากการล่มสลายของการปกครองโดยตระกูลของรานะในเดือนกุมภาพันธ์พ.ศ. 2494 เนปาลเริ่มให้ความสนใจกับระบอบการปกครองแบบระบอบประชาธิปไตย จากนั้นได้มีการนำการปกครองแบบรัฐสภาที่มีรัฐบาลมาผสมมาใช้ในปีพ.ศ. 2502 สมเด็จพระราชาธิบดีมเหนทรา (Mahendra) ได้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญ และได้จัดให้มีการเลือกตั้ง โดยมีนาย B.P. Koirala หัวหน้าพรรค NC ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปีพ.ศ. 2505 ได้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดการปกครองให้เป็นระบบปัญจยัต (Panchayat System) หรือระบบรัฐสภาแบบสภาเดียวและไม่มีพรรคการเมือง ช่วงต้นปีพ.ศ. 2533 มีการชุมนุมประท้วงและก่อการจราจลเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยแบบมีพรรคการเมืองหลายพรรค (Multi-Party System) โดยมีการแทรกแซงจากชาวต่างชาติโดยเฉพาะอินเดีย เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2533 สมเด็จพระราชาธิบดีพิเรนทรา บีร์ บิกรัม ชาร์เทพ (Birendra Bir Bikram Shah Dev) ทรงประกาศยกเลิกข้อห้ามที่มิให้มีพรรคการเมืองและประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เมือ่วันที่ 1 พฤษจิกายน พ.ศ. 2533 โดยเฉพาะพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศภายใต้รัฐธรรมมูญ (Constitutinal Monarchy) มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริการ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 รัฐสภาเนปาลได้ผ่านกฎหมายที่จะเปลี่ยนเนปาลเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย โดยมีผลหลังการเลือกตั้งในปีพ.ศ. 2551 ในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 รัฐบาลเนปาลประกาศยกเลิกระบอบกษัตริย์ สถาปนาสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยขึ้น โดยกำหนดให้ชญาเนนทระและพระบรมวงศานุวงศ์ต้องเสด็จออกจากพระราชวังภายใน 15 วัน และกำหนดให้วันที่ 28 - 30 พฤษภาคม เป็นวันหยุดราชการ ในปัจจุบัน เนปาลเข้าสู่ระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐ มีนายราม บารัน ยาดัฟ เป็นประธานาธิบดีคนแรก จากการลงคะแนนเสียงของสภาร่างรัฐธรรมนูญ 308 เสียง และนายคีรีชา ปราสาท โกอีราละ อดีตรักษาการณ์ประมุขแห่งรัฐทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป จนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อันนำโดยพรรคคอมมิวนิสต์ลัทธิเหมาหรืออดีตกลุ่มกบฏลัทธิเหมา ซึ่งมีนายประจันดา เป็นผู้นำ
ISB104-TG : ปากีสถานเหนือ - ซินเจียงใต้ คาราโครัมไฮเวย์ เส้นทางสายไหมโบราณ อิสลามาบัด ตักศิลา สการ์ดู กิวกิต ฮุนซ่า คัชการ์ ทะเลสาบไป๋ซาหู ถนนผานหลง ซีอาน วันเดินทาง 10 - 19 ตุลาคม 2568 เที่ยว 2 ประเทศ ปากีสถานเหนือ สการ์ดู กิวกิต ฮุนซ่า ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เที่ยว ซินเจียงใต้ เมืองคัชการ์ ทะเลสาบไป๋ซาหู เมืองทัชเท่อร์กาน ด่านคุนจีราพ
Hotline 0-936468915, 0-823656241 ใบอนุญาตเลขที่ 11/05028