• ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
• ปราสาทตาแก้ว : ปราสาทบันทายกเดย : สระสรง : ปราสาทกระวาน

ปราสาทตาแก้ว
• ปีที่สร้าง : สร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 16
• รัชสมัย : รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5
• ศิลปะ : เป็นศิลปะแบบคลัง
• ศาสนา : ศาสนาฮินดู ไศวนิกาย
• จุดประสงค์ของการสร้างปราสาทตาแก้วเพื่ออุทิศให้แด่พระศิวะในศาสนาฮินดูที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ทรงนับถือ แต่พระองค์ก็ทรงให้ความอุปถัมภ์แก่พุทธศาสนานิกายมหายานอย่างเปิดเผย
• ปราสาทตาแก้วเป็นปราสาทแรกที่ทดลองนำหินทรายมาสร้าง มีลักษณะเป็นปราสาท 5 หลัง ก่อด้วยหินเป็นชั้น 5 ชั้น สูง 20 เมตร ในชั้นที่ 2 มีระเบียงคตยาวติดต่อล้อมรอบ เป็นปราสาทที่ถูกเรียกว่าปราสาทโกลน หมายความว่าเป็นปราสาทที่ยังสร้างไม่เสร็จดี พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 1 ผู้มีศักดิ์เป็นพระนัดดาขึ้นครองราชย์ต่อมา จารึกไม่ได้ระบุว่าพระองค์ทรงสร้างปราสาทต่อหรือไม่ เพราะเป็นการขึ้นครองราชย์ช่วงสั้นๆ จวบจนพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ขึ้นครองราชย์ จึงทรงสร้างปราสาทตาแก้วต่อจนสิ้นรัชกาลก็ยังไม่เสร็จ
• มีข้อสันนิษฐานที่ปราสาทเป็นปราสาทโกลนหรือสร้างไม่เสร็จอาจเป็นเพราะหินทรายที่นำมาก่อสร้างนั้นมีความแข็งจนยากต่อการแกะสลักภาพก็เป็นได้ หรืออาจเกิดสงครามจึงต้องเกณฑ์ผู้คนไปทำการรบ ทำให้การก่อสร้างขาดช่วงไป หรือกระทั่งการเกิดฟ้าผ่า ซึ่งเป็นความเชื่อว่าไม่เป็นที่ปรารถนาของเทพเจ้าจึงต้องหยุดการสร้างปราสาทไป
• ระเบียงคต ฐานแต่ละชั้นเริ่มมีระเบียงคต และมุงหลังคาด้วยอิฐ เสาในระเบียงคตสลักลวดลายไว้ แต่เสาภายนอกไม่มีการสลักภาพใดๆ
เป็นปราสาทแรกที่ช่างขอมสามารถสร้างปราสาทด้วยหินทราย มีปราสาท 5 หลังอยู่บนฐานเดียวกันได้สำเร็จเป็นครั้งแรก (จากเดิมที่ใช้อิฐสร้างตัวปราสาท) ลวดลายที่ฐานบัวสวยงาม

ปราสาทบันทายกเดย
• ปีที่สร้าง : สร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 18
• รัชสมัย : รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และขยายเพิ่มในรัชสมัยของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 2
• ศิลปะ : เป็นศิลปะแบบบายน
• ศาสนา : ศาสนาพุทธ นิกายมหายาน
• ปราสาทบันทายกเดย (บัน-ทาย-กะ-เดย) มีลักษณะคล้ายกับรูปแบบปราสาทตาพรหม และปราสาทพระขรรค์ แต่มีขนาดเล็กกว่า โคปุระทั้ง 4 แห่งมีพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หันหน้าพระพักตร์ไปทั้ง 4 ทิศ เช่นเดียวกับปราสาทบายน โดยมีกำแพงล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน ทางเข้าประกอบด้วยโคปุระทั้ง 4 มีพื้นที่โดยรอบประมาณ 800 คูณ 400 เมตร ปราสาทบันทายกเดยจัดเป็นวัดทางพระพุทธศาสนา แต่มีสภาพที่ชำรุดมาก
• ก่อนถึงปรางค์ประธานจะมีวิหารของพราหณ์สำหรับทำพิธีทางศาสนา ถัดไปเป็นโคปุระด้านในนำไปสู่ปรางค์ประธาน และปรางค์บริวารทั้ง 4 ทิศ มีบรรณาลัยทางทิศเหนือ-ใต้ อยู่ที่หน้าปรางค์ประธาน เช่นเดียวกับปราสาทที่สร้างในศิลปะบายน ภาพนางอัปสรากำลังร่ายรำ จึงพบเห็นได้เป็นส่วนมาก ที่ปรางค์ประธาน ปัจจุบันมีพระพุทธรูปปรางค์สมาธิประดิษฐานอยู่
• เนื่องจากเป็นปราสาทขนาดเล็ก สามารถเดินเยี่ยมชมจากทิศตะวันออกโดยใช้เวลาไม่มากนัก หลังจากนั้นสามารถเดินเที่ยวชมไปยังสระสรง ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

สระสรง
• ปีที่สร้าง : สร้างในปลายพุทธศตวรรษที่ 15 และได้รับการดัดแปลงในยุคปลายสมัยคริสตศตวรรษที่ 12
• รัชสมัย : รัชสมัยของพระเจ้าราเชนทรวรมันและพระเจ้าชัยวรมันที่ 2
• ศิลปะ : เป็นศิลปะแบบบายน
• ศาสนา : ศาสนาพุทธ นิกายมหายาน
• สระสรง เป็นสระที่มีน้ำขังนับพันปีแล้ว มีภูมิประเทศที่สวยงาม หลังจากเที่ยวชมปราสาทบันทายกเดยแล้วทางออกทางด้านทิศตะวันตกนำสู่สระสรง เดินไปเที่ยวชมได้เลย ท่าของสระสรงสร้างขึ้นด้วยหินทราย มีบันไดลงไปถึงพื้นน้ำ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก จุดประสงค์ของการสร้างสระสรงเพื่อเป็นศาสนสถานพร้อมกับปราสาทบันทายกเดย ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สระสรงมีขนาดประมาณ 800 คูณ 400 เมตร อยู่ในแนวทิศตะวันออก-ตก เชื่อว่าสระสรงนี้ใช้เป็นที่สรงน้ำของพระมหากษัตริย์
• ท่าน้ำ ประกอบด้วยบันไดสิงห์ และส่วนที่เป็นราวสะพานนาคมีลักษณะจตุรมุข (หันหน้าทั้ง 4 ทิศ) ลักษณะกากบาท ประกอบด้วยประติมากรรมตัวรูปสิงห์คู่ และมีบันไดลงไปยังลานจตุรมุขซึ่งประกอบด้วยนาค 7 เศียร
• กลางสระ จะสังเกตเห็นซากปราสาทหลังเล็กๆ ชาวกัมพูชาเรียกกันว่าปราสาทลอยน้ำ แต่หักพังลงมาแล้ว สันนิษฐานว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงใช้เป็นที่นั่งสมาธิ ต่อโดยสะพานไม้จากฐานที่อยู่ติดกับปราสาท

ปราสาทกระวาน
• ปีที่สร้าง : สร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 15
• รัชสมัย : รัชสมัยของพระเจ้าหรรษวรมันที่ 1
• ศิลปะ : เป็นศิลปะแบบบาแค็งและเกาะแกร์
• ศาสนา : ศาสนาฮินดู ไวษณพนิกาย
• คำว่า กระวาน แปลว่า ดอกนมแมว ซึ่งเคยมีอยู่มากรอบปราสาทแห่งนี้ ปราสาทกระวานเป็นปราสาทขนาดเล็กสร้างบนฐานเดียวกัน 5 ปราสาท เรียงกันในแนวทิศเหนือ-ใต้ โดยการใช้อิฐก่อขึ้นเป็นรูปปราสาท
• ปราสาทกระวาน ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่พระวิษณุหรือพระนารายณ์ สังเกตได้จากภาพสลักที่ปรากฎอยู่ ณ ปรางค์ประธาน จะพบภาพสลักเป็นภาพวิษณุหรือพระนารายณ์ตรีวิกรม (ย่างสามขุม) และนารายณ์ทรงครุฑที่นอกปราสาททางด้านทิศเหนือยังมีภาพสลักพระนางลักษมี (ชายาของพระวิษณุ) อยู่ทั้ง 2 ด้านของผนัง
• ภาพสลักปรางค์ประธาน ปราสาททั้ง 5 หลัง ถูกสร้างด้วยอิฐยกเว้นทับหลังและเสากรอบประตูเป็นหินทราย และมีการสลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอรวัณที่ปราสาทองค์กลาง และยังมีภาพสลักการอวตารของพระนารายณ์เป็นพราหมณ์หลังค่อม การอวตารปางนี้ของพระนารายณ์เพื่อจะขอพื้นพิภพโดยการย่างสามก้าว เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก้าวที่ 1 เป็นการก้าวสู่เทวโลก ก้าวที่ 2 เป็นการก้าวไปสู่มนุษยโลก และก้าวที่ 3 เป็นการก้าวไปสู่โลกบาดาล หมายถึง การรวมเอาจักรวาลมาเป็นคำขอของพราหมณ์ผู้นี้ จะสังเกตเห็นได้ว่าในพระหัตถ์ของพระนารายณ์ทั้ง 4 กร ประกอบด้วย คฑา หอยสังข์ จักร และปฐพี ส่วนผนังที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของปรางค์ประธานเป็นภาพสลักพระวิษณุ 8 กร ประกอบด้วยเทวดาที่มาเฝ้าทั้งหมด 6 ชั้น และผนังด้านทิศเหนือเป็นพระวิษณุทรงครุฑ พาหนะพระจำของพระองค์