ปราสาทพระโค ปีที่สร้าง : สร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 15 รัชสมัย : รัชสมัยของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ศิลปะ : เป็นศิลปะแบบพระโค ศาสนา : ศาสนาฮินดู ไศวนิกาย ปราสาทพระโค สร้างด้วยอิฐทั้ง 6 หลัง แบ่งเป็น 2 แถวแถวละ 3 หลัง ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน แม้ตัวปราสาทจะเป็นอิฐแต่กรอบประตูและกรอบหน้าต่างสร้างด้วยหินทราย ปรางค์ประธานอยู่ตรงกลางของแถวหน้า มีจารึกภาษาขอมโบราณที่กล่าวถึงประวัติการสร้างปราสาทแห่งนี้ว่า ส่วนพื้นที่รองรับน้ำหนักของปราสาททั้ง 6 หลัง ได้แก่ หินทราย ซึ่งมีลักษณะและชนิดของหินเหมือนกับที่นำมาทำประติมากรรมลอยตัวของโคนนทิ พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 มีบันทึกไว้ว่า ปราสาทกลุ่มนี้มีปราสาท 6 กลังก่อด้วยอิฐบนฐานเดียวกัน ปราสาทองค์กลาง (ด้านหน้า) สร้างถวายแด่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ผู้เป็นอัยยิกา (ปู่) ปราสาทองค์กลาง (ด้านหลัง) สร้างถวายแด่พระมเหสีของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 มีพระนามว่า ธรนินทรเทวี ปราสาทองค์ซ้าย (ด้านหน้า) สร้างถวายพระราชบิดาของพระองค์คือปิทวีณทรวรมัน ปราสาทองค์ซ้าย (ด้านหลัง) สร้างถวายพระราชมารดา ส่วนปราสาททางขวามืออีก 2 หลังสันนิฐานว่าคงจะสร้างให้ญาติเช่นกั น เมื่อสร้างปราสาทนี้เสร็จแล้ว ได้กล่าวถึงปราสาทนี้ว่า สร้างอุทิศถวายแด่พระปรเมธวระ หรือพระเจ้าสูงสุดอีกพระนามของพระศิวะนั่นเอง ทับหลัง บริเวณผังปราสาทมีลายปูนปั้นประกอบด้วยการสลักทับหลังศิลาทรายแบบนูนสูง ทับหลังสมัยพระโคนั้น นักโบราณคดีนิยมยกย่องว่าเป็นทับหลังที่สวยงาม เหนือกว่าสมัยใดๆ สมัยนี้เริ่มมีศิลปะชวาเข้ามาเกี่ยวข้องเช่น ทับหลังชิ้นหนึ่งภาพสลักหน้ากาลหรือเกียรติมุข (ลักษณะลายหน้าสัตว์ผสมคล้ายหน้ายักษ์บนหน้าสิงห์ มีตากกลมโปนแต่ไม่มีริมฝีปากล่าง) คาบท่อนพวงมาลัย และบนท่อนพวงมาลัยจะมีเทวดาขี่ม้าเรียงกันเป็นแถวท่าทางดูงามลึกซึ้ง รูปเทพารักษ์หรือทวารบาล ที่ผนังปราสาทพระโคทั้งสี่ด้านไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายมักยืนอยู่ในซุ้มเรือนแก้วผู้ชายใส่เครื่องศิราภรณ์ประดับศีรษะ มือขวาถือหอก มือซ้ายท้าวสะเอวนุ่งผ้าจีบหน้า คาดเข็มขัดสวยงาม โดยเฉพาะมือที่ถือหอกกำไม้สู้แน่นนัก ทำให้ดูนุ่มนวลเหมือนนาฏลักษณ์ ประติมากรรมลอยตัวรูปโคนนทิ ที่เรียกว่าปราสาทพระโค เชื่อว่าเป็นเพราะมีรูปโคนนทิ 3 รูป ตั้งอยู่ด้านหน้าของปราสาท
ปราสาทบากอง ปีที่สร้าง : สร้างในต้นปีพุทธศตวรรษที่ 15 (พ.ศ. 1424) รัชสมัย : รัชสมัยของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ศิลปะ : เป็นศิลปะแบบบากอง ศาสนา : ศาสนาฮินดู ไศวนิกาย ปราสาทบากอง สร้างหลังปราสาทพระโคประมาณ 2-3 ปี เป็นปราสาทหลวงในรัชสมัยของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ณ เมืองหริหราลัย จนถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 15 ปราสาทบากองเป็นสัญลักษณ์แห่งแรกในการสร้างปราสาทที่เป็นปิรามิด ตัวปราสาทมีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นถูกสร้างขึ้นจากหินทราย ยกเว้นเฉพาะปรางค์ประธานที่อยู่ชั้นบนสุดที่ยังสร้างขึ้นจากอิฐสันนิษฐานว่าพังไปหมดแล้ว ต่อมาได้ซ่อมแซมในสมัยบาปวนหรือนครวัดโดยกษัตริย์ยุคหลังๆ สังเกตได้จากศิลปะไม่เหมือนกับฐานปราสาท การสร้างลักษณะนี้เป็นการจำลองเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นที่ประทับของพระศิวะ โคปุระทางทิศตะวันออก-ตะวันตก มีขนาดใหญ่กว่าทิศเหนือ-ใต้ รูปทรงของปราสาทบากองมีลักษณะคล้ายปิรามิด บนชันที่ 1 ประกอบด้วยวิหารขนาดเล็กอยู่ที่มุมของทิศทั้งแปด แต่ละชั้นของปิรามิดจะมีบันไดขึ้นความกว้างยาวของฐานเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมจตุรัส โดยรอบของฐานแต่ละชั้นมีประติมากรรมลอยตัวรูปนาคและครุฑ ประติมากรรมลอยตัวรูปนาค ทางเข้าปราสาททั้งสองข้างมีประติมากรรมลอยตัวรูปนาคขนาดใหญ่ มีความยาวประมาณ 60 เมตร ภาพสลักนางอัปสร ด้านข้างของบันไดขึ้นสู้ปรางค์ประธานของแต่ละชั้นมีภาพสลักนางอัปสร ซึ่งมีขนาดสูงถึง 1.5 เมตร ชั้นที่ 2 นี้ยังมีภาพสลักของยักษ์ สันนิษฐานว่าเป็นภาพในเรื่องรามเกียรติ์ สังเกตดูยักษ์มีการแต่งตัวและประดับศิราภรณ์ดูสวยงาม ภาพสลักนี้แสดงถึงสัดส่วนและกล้ามเนื้อออกมาอย่างชัดเจน เป็นภาพสลักเดียวที่ยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน ภาพสลักเรื่องรามเกียรติ์ หน้าบันและทับหลังของปรางค์ประธานมีภาพสลักจากเรื่องรามเกียรติ์ โดยมีภาพที่เด่นที่สุดเป็นภาพของพระรามพระลักษมณ์ที่ถูกศรนาคบาศจากอินทรชิต
ปราสาทโลเลย ปีที่สร้าง : สร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 15 (พ.ศ. 1436) รัชสมัย : รัชสมัยของพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ศิลปะ : เป็นศิลปะแบบพระโคและบาแค็ง ศาสนา : ศาสนาฮินดู ไศวนิกาย ปราสาทโลเลย เป็นปราสาทที่อยู่ในกลุ่มเทวสถานเมืองหริหราลัย สันนิษฐานว่า โลเลย มาจาก ราลัย อันเป็นชื่อท้ายของเมืองนี้ (หราลัย) ปราสาทโลเลยสร้างอยู่กลางบารายอินทรตฎากะ (สระน้ำของพระอินทรวรมันที่ 1) ปัจจุบันได้ตื้นเขินไปหมดแล้ว พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 สร้างบารายเพื่อให้เป็นด่านป้องกันศัตรูอีกพระประสงค์หนึ่ง แต่พระองค์ก็ย้ายนครหลวงไปที่เมืองพระนคร เนื่องจากไม่สามารถที่จะขยายอาณาจักรของพระองค์ที่เมืองหริหราลัยไปได้มากกว่านี้ นามของเมืองหริหราลัยจึงถูกลบเลือนไปนับแต่นั้นมา ปราสาทโลเลยสร้างอยู่บนฐานที่มีความกว้าง 80 เมตร ยาว 90 เมตร ก่อสร้างด้วยอิฐทั้งหมด มีโคปุระทางทิศตะวันออกเพียงแห่งเดียว ปราสาทนี้เป็นกลุ่มปราสาทที่มีทั้งหมด 4 หลัง 2 หลังอยู่ในแนวทิศตะวันออก-ทิศตะวันตก อีก 2 หลังอยู่ในแนวทิศเหนือ-ใต้ การวางผังของปราสาทโลเลย คล้ายกับปราสาทพระโค ต่างกันที่จำนวนปราสาทเท่านั้น ภาพสลักปราสาทโลเลย แม้จะทรุดโทรมไปมาก แต่ก็ยังมีภาพสลักซึ่งอยู่ตามกรอบประตู และภาพสลักหินทรายบนทับหลังพอที่จะสันนิษฐานได้ว่าปราสาทที่อยู่ทางทิศตะวันออกมีหน้าบันเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ด้านซ้ายและขวาของเศียรช้างเอราวัณมีพวงอุบะ ด้านล่างและด้านบนของพวงอุบะมีลายก้านขดและลายดอกไม้ ที่หน้าบันเหนือทับหลังเป็นภาพสลักนูนต่ำของฤาษีทั้งหมดที่มีอยู่ 8 ตน กำลังนั่งบำเพ็ญตะบะ ส่วนภาพที่กรอบประตูซึ่งทำจากหินทรายเป็นภาพของสิงห์คาบพวงอุบะออกมาจากปาก ภาพลายก้อนต่อดอกและพรรณพฤกษา ดูอ่อนช้อยสวยงามมาก ถึงแม้ภาพสลักส่วนใหญ่จะลบเลือนและถูกทำลายลงไปบ้างก็ยังจัดได้ว่าเป็นศิลปะที่สวยงามในรูปแบบศิลปะสมัยพระโค หรือเรียกว่าในยุคอาณาจักรหริหราลัยนั่นเอง
ISB104-TG : ปากีสถานเหนือ - ซินเจียงใต้ คาราโครัมไฮเวย์ เส้นทางสายไหมโบราณ อิสลามาบัด ตักศิลา สการ์ดู กิวกิต ฮุนซ่า คัชการ์ ทะเลสาบไป๋ซาหู ถนนผานหลง ซีอาน วันเดินทาง 10 - 19 ตุลาคม 2568 เที่ยว 2 ประเทศ ปากีสถานเหนือ สการ์ดู กิวกิต ฮุนซ่า ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เที่ยว ซินเจียงใต้ เมืองคัชการ์ ทะเลสาบไป๋ซาหู เมืองทัชเท่อร์กาน ด่านคุนจีราพ
Hotline 0-936468915, 0-823656241 ใบอนุญาตเลขที่ 11/05028