สถานที่ตั้ง
: แขวงบ่อแก้ว อยู่ติดกับ อ.เชียงของ จ.เชียงราย
เมืองหลวง : เมืองห้วยทราย
ในขณะที่นครเวียงจันทน์เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย
เพราะจากจังหวัดหนองคายสามารถข้ามสะพานมิตรภาพไปยังฝั่งลาวได้สะดวก
ทำให้หนองคายกลายเป็นจังหวัดท่องเที่ยวริมชายแดนของภาคอีสานที่ได้รับความนิยม
เช่นเดียวกับทางภาคเหนือที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
สามารถข้ามแม่น้ำโขงไปยังแขวงบ่อแก้วของประเทศลาวได้อีกด้วย
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวที่บ่อแก้วแบบไปเช้า เย็นกลับ
แต่ถ้านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มต้นโปรแกรมเที่ยวจากหลวงพระบาง
ด้วยการล่องเรือตามแม่น้ำโขงจากท่าเรือห้วยทรายแขวงบ่อแก้ว
ใช้เวลาเดินทาง 2 วัน 1 คืน โดยจะแวะพักที่ปากแบงก่อน 1 คืน
สถานที่ท่องเที่ยว
แขวงบ่อแก้วมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
เช่น วัดจอมแก้วมณีรัตน์ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเมือง วัดพระธาตุตากผ้าทองที่ชาวบ้านเล่าว่า
ทุกๆ วันขึ้น 15 ค่ำ จะมีแสงพวยพุ่งออกมาจากองค์พระธาตุ และอนุสาวรีย์ของท่านไกรสร
พรหมวิหาร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นที่เคารพของชาวลาว มีวิถีชีวิตของชาวบ้านเผ่าต่างๆ
ทั้งชาวเขาเผ่าแลนแตนที่ยังคงรักษาประเพณีดั้งเดิมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
หมู่บ้านยองหิน ภูมิปัญญาของชาวไทลื้อที่สามารถสร้างบ้านไม้แบบเคลื่อนย้ายได้
แวะชมหมู่บ้านต้มเหล้าขนาดใหญ่ ในเมืองยังมีขนมจีนเคล้ารสปลาร้าของหมู่บ้านข้าวปุ้นไว้ให้ลองชิมกันอีกด้วย
แขวงบ่อแก้วเป็นแขวงที่มีขนาดเล็กสุดของประเทศลาว
มีพรมแดนติดกับประเทศไทย ประเทศพม่า ห่างจากชายแดนจีนเพียง
100 กิโลเมตร เดิมบริเวณนี้เรียกว่า หัวโขง เพราะตั้งอยู่ต้นแม่น้ำโขง
ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็นบ่อแก้ว มีห้วยทรายเป็นเมืองหลวง เป็นเมืองท่าการค้าที่ใหญ่ที่สุดริมแม่น้ำโขง
สมัยฝรั่งเศสเข้ามาปกครองลาว เมืองห้วยทรายมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก
เพราะเป็นที่ทำการแขวง และได้สร้างค่ายทหารไว้บนเนิน เรียกว่า
ป้อมการ์โน ทหารไทยเคยเข้าไปยึดสมัยที่เกิดกรณีพิพาทอินโดจีน
ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวลาว ชาวไทลื้อ ส่วนริมแม่น้ำโขงจะเป็นชาวไทเขินและมีชนเผ่าที่อาศัยอยู่ตามภูเขาอีกมากมาย
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองห้วยทราย
วัดจอมแก้วมณีรัตน์ : ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเมืองหันหน้าสู่แม่น้ำ
มีความสูงประมาณ 100 เมตร ห่างจากท่าเรือท่าด่าน 200 เมตร
ภายในบริเวณวัดมีพระอุโบสถขนาดกลางสร้างด้วยไม้สัก ศิลปะแบบไทยใหญ่
ฝาผนังโดยรอบของพระอุโบสถมีภาพเขียนสีน้ำมันลักษณะเป็นศิลปกรรมแบบลาวมีสีสันที่สวยงาม
ที่หอระฆังมีระฆังและกลองขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดสูงสุดของหอระฆังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของฝั่งไทยและท่าเรือบั๊คได้อย่างชัดเจน
วัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะปฎิสังขรณ์ใหม่โดยพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
เมื่อครั้งเสด็จมาเยี่ยมเยือนเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว เมื่อปี
พ.ศ. 2537
นอกจากนี้บนยอดเขาใกล้กันยังมีป้อมการ์โน ป้อมเก่าของฝรังเศส
ปัจจุบันใช้เป็นที่ตั้งของกองทัพรัฐบาลลาว ไม่อนุญาตเปิดให้บุคคลทั่วไปได้ชม
วัดพระธาตุตากผ้าทอง : ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง
200 เมตร ห่างจากท่าเรือท่าด่านประมาณ 3 กิโลเมตร ทางขึ้นวัดอยู่ห่างจากท่าเรือเร็วของลาวประมาณ
100 เมตร ภายในบริเวณวัดมีพระอุโบสถขนาดกลาง เป็นศิลปกรรมแบบลาว
ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ ใกล้กับพระอุโบสถมีพระธาตุตั้งอยู่หันหน้ามาทางฝั่งไทย
ชาวลาวเล่าว่าทุกๆวันขึ้น 15 ค่ำ จะมีแสงสีต่างๆพวยพุ่งขึ้นมาจากองค์พระธาตุ
สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากฝั่งไทย
อนุสรณ์สถานของท่านไกรสร พรหมวิหาร
: ตั้งยู่ห่างจากท่าเรือท่าด่านประมาณ 1 กิโลเมตร อนุสรณ์สถานของท่านไกรสร
พรหมวิหาร อดีตนายกรัฐมนตรีของลาวผู้ล่วงลับไปแล้ว เป็นที่เคารพรักของประชาชนชาวลาวเป็นอย่างมาก
เพราะเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านได้สร้างคุณประโยชน์ต่างๆ
ไว้มากมาย ทั่วทั้งประเทศลาว ปัจจุบันชาวลาวนิยมมากราบไหว้บูชาอนุสรณ์สถานของท่านเป็นจำนวนมาก
สนามบินบ่อแก้ว
: ตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือท่าด่านประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นสนามบินภายในประเทศ
สร้างขึ้นในสมัยที่สหรัฐอเมริกาเข้ามามีบทบาทในลาว รันเวย์สนามบินค่อนข้างเก่า
มีหอบังคับการบินความสูงประมาณ 100 เมตร มีเที่ยวบินให้บริการจากนครเวียงจันทน์มาสนามบินห้วยทรายสัปดาห์ละ
3 เที่ยวบิน (เที่ยวบินอาจเปลี่ยนแปลงได้) รอบๆสนามบินมีทิวทัศน์ที่สวยงาม
ตลาดเมืองบ่อแก้ว
: ตลาดเมืองบ่อแก้วเป็นตลาดเช้า อยู่ทางทิศใต้ของตัวเมือง
บริเวณนี้นับเป็นจุดตั้งต้นถนนสายหลักคือถนนเรียบชายฝั่งโขง
สองฝากฝั่งมีร้านตั้งอยู่เรียงรายทั้งร้านอาหาร ร้านขายสินค้าทั่วไป
และร้านขายของที่ระลึกจากชนกลุ่มน้อย
หมู่บ้านต่างๆ
รอบตัวเมือง : นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
แล้วรอบๆ ตัวเมืองยังมีวิถีชีวิตของชาวบ้านเผ่าต่างๆ ให้ชมกันอีกด้วย
ใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็สามารถเที่ยวได้ครบแล้ว
หมู่บ้านน้ำว้าง
: ถัดจากตัวเมืองห้วยทรายมาประมาณ 20 กิโลเมตร จะพบกับหมู่บ้านชาวเขาเผ่าแวนแตนหรือ
ลาวห้วย เป็นชนชาติเก่าแก่ของลาว ภายในหมู่บ้านชาวบ้านดำรงชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย
การแต่งกายคล้ายกับชาวเผ่าเย้า ผู้หญิงนุ่งซิ่นสั้น ใช้สีดำเป็นพื้น
ผู้ชายใส่เสื้อเปิดให้เห็นหน้าท้อง
หมู่บ้านข้าวปุ้น
: เป็นหมู่บ้านชาวลาวที่ประกอบอาชีพทำขนมจีนกันทั้งหมู่บ้าน
ส่งขายตามแขวงต่างๆ ในประเทศลาว และบางส่วนส่งมาขายยังฝั่งอำเภอเชียงของของไทยอีกด้วย
ชาวลาวนิยมรับประทานขนมจีนซึ่งนำมาผสมกับน้ำปลาร้ากันมาก
หมู่บ้านยองหิน
: เป็นหมู่บ้านของชาวไทลื้อที่อาศัยอยู่ในประเทศลาว จุดเด่นน่าชมอยู่ตรงภูมิปัญญาของชาวไทลื้อที่สร้างบ้านไม้ทั้งหลังแบบสามารถเคลื่อนย้ายได้
โดยนำเสาบ้านแต่ละต้นมาวางบนหิน สันนิษฐานว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ปลวกมากินไม้มากกว่าที่จะต้องการย้ายบ้าน
หมู่บ้านต้มเหล้า
: เป็นหมู่บ้านชาวลาวที่ประกอบอาชีพต้มเหล้า สาโท กระแซ่ กันทั้งหมู่บ้าน
ในประเทศลาวไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ชาวบ้านที่ว่างเว้นจากการทำนาแล้วจะมาต้มเหล้ากันทั้งหมู่บ้าน
ใช้วัตถุดิบคือข้าวเหนียว สำหรับปริมาณดีกรีไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการหมักบ่มแต่น่าจะสูงกว่า
40 ดีกรีขึ้นไป |