เชียงขวาง แผ่นดินแห่งสมรภูมิ กว่า 40 ปีแล้ว แผ่นดินตรงนี้ที่นานาประเทศแย่งกันครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศษ อเมริกา เวียดนาม จีน แผ่นดินบนขุนเขาที่ไกลแสนไกล การเดินทางก็ลำบาก แต่สิ่งหนึ่งของเมืองเชียงขวางที่อยากให้ไปสัมผัสก็คือทุ่งไหหินและบรรยากาศที่หนาวเย็นเกือบตลอดปี ในปี พ.ศ. 2513 แขวงเชียงขวาง เคยเป็นสมรภูมิรบอันดุเดือดนับครั้งไม่ถ้วน ในยุคสงครามอินโดจีน หรือสงครามเวียดนามที่ผ่านมา อาจเพราะว่าในอดีตเชียงขวางคือจุดยุทธศาสตร์สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศลาว เพราะตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ อยู่ห่างจากนครเวียงจันทน์ประมาณ 400 กิโลเมตรและจากเมืองโพนสะหวันซึ่งเป็นเมืองหลวงของเชียงขวาง ขวางข้ามเทือกเขอันสลับซับซ้อนบนทางหลวงหมายเลข 7 ไปสิ้นสุดที่ด่านน้ำกลั่น ชายแดนทางตอนเหนือของประเทศเวียตนามระยะทางเพียงแค่ 130 กิโลเมตรซึ่งในช่วงสงครามอินโดจีนเส้นทางสายนี้เคยใช้เป็นเส้นทางส่งกำลังบำรุงรวมทั้งอาวุธยุโธปกรณ์ต่างๆจากประเทศเวียตนามเหนือ สู่ขบวนการประเทศลาวซึ่งในขณะนั้นเป็นพันธมิตรซึ่งกันและกันและเส้นทางสายนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเส้นทางโฮจิมินห์ ความที่อยู่ใกล้เวียตนามเหนือทำให้ขบวนการลาวตัดสินใจตั้งกองบัญชาการใหญ่ขึ้นที่นี่กองทัพอากาศอเมริกันจึงส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด บี 52 เข้ามาทิ้งระเบิดปูพรหมหมายทำลายล้างขบวนการลาวอย่างหนัก หมู่บ้านใหญ่น้อยหลายร้อยแห่งตลอดจนวัดวาอารามถูกทำลายแทบทั้งหมด ส่งผลให้ราษฏรและทหารฝ่ายขบวนการประเทศลาวต้องอพยพเข้าไปอยู่ตตตามถ้ำและหุบเขาทั่วไปในแขวงเชียงขวางและข้างเคียง ในอดีตในสมัยช่วงทศวรรษที่ 1830 แขวงเชียงขวางถูกรวมเข้าอยู่กับเวียตนาม ชาวเชียงขวางในสมัยนั้นถูกบังคับให้แต่งกายและใช้ขนบธรรมเนียมของเวียตนาม แต่ความรักอิสระและทรนงในชาติพันธ์ของตนเองทำให้ชาวเชียงขวางทุกคนลุกขึ้นสู้เพื่อรักษาความเป็นอธิปไตยของตนเองไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ท้ายที่สุดชาวเชียงขวางก็ไม่อาจต้านทานกำลังจากประเทศเพื่อนบ้านผู้ทรงอิทธิพลในขณะนั้นจึงตกเป้นเมืองขึ้นของเวียตนามอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แม้สงครามอินโดจีนจะผ่านพ้นไปสามสิบกว่าปีแล้ว แต่บาดแผลและร่องรอยจากสงครามยังคงอยู่สภาพของสิ่งปรักหักพังของเมืองคูน เมืองหลวงเก่ายังคงมีร่องรอยให้เห็นอยู่โดยทั่วไป ซึ่งจากซากปรักหักพังบางแห่งทางรัฐบาลลาวได้อนุรักษ์เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงพิษภัยของสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อในอดีต ร่องรอยของหลุมระเบิดขนาดใหญ่จากฝูงบิน บี 52 ของอเมริกันยังคงมีให้เห็นกันอยู่ทั่วไป ปัจจุบันได้ถูกดัดแปลงให้เป็นบ่อเลี้ยงปลาในนาข้าว ซากของลูกระเบิดน้ำหนักหลายสิบตันถูกดัดแปลงมาเป็นรั้วบ้าน เสาบ้าน รางข้าวหมู ที่นั่งเล่น เตาปิ้งบาร์บีคิวสำหรับนักท่องเที่ยว ปัจจุบันเมืองเชียงขวางเริ่มฟื้นตัวเรื่อยๆค่อยเป็นค่อยไป มีสิ่งดีๆมอบเป็นของกำนัลแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมเยือนเสมอ ชาวเชียงขวางไม่เคยลืมอดีตที่โหดร้ายของสงครามที่ผ่านมา แต่ก็ไม่มีอคติกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและผู้มาเยี่ยมเยือนทุกคนช่วยกันก่อสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ คือเมืองโพนสะหวันแทนเมืองคูนเมืองหลวงเก่าที่ถูกทำลายลงด้วยพิษสงคราม เมืองโพนสะหวัน เมืองหลวงใหม่ของแขวงเชียงขวาง อยู่ห่างจากเมืองคูนเมืองหลวงเก่าที่ถูกทำลายลงไปเมื่อครั้งสงครามระยะทางห่างกันประมาณ 30 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากทุ่งไหหินหนึ่งระยะทางประมาณ 7.5 กิโลเมตร เมืองโพนสะหวันเดิมมีชื่อว่าเมืองแปก ซึ่งแปลว่าต้นสน สาเหตุเพราะว่าสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ประกอบกับมีเทือกเขาอันสลับซับซ้อน จึงเหมาะแก่การเจริญเติบโตของต้นสนสามใบ ซึ่งอยู่ในเทือกเขาตลอดทั้งสองข้างของถนนหมายเลข 7 ถนนยุทธศาสตร์เดิมในอดีตสู่ชายแดนประเทศเวียตนามตอนเหนือ ตลอดจนทุ่งดอกบัวตองชาวลาวเรียกว่าดอกบัวขม ออกดอกสีเหลืองอร่ามบานสะพรั่ง แซมด้วยดอกคริสต์มาสสีแดงสดที่ชาวลาวนิยมปลูกเป็นรั้วบ้านบานสะพรั่งต้อนรับลมหนาวของเดือนพศฤจิกายนของเส้นทางแห่งนี้
เมืองคูน เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของแขวงเชียงขวาง ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโพนสะหวัน เมืองหลวงใหม่ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งในปี พ.ศ.2512 ช่วงสงครามอินโดจีน เมืองคูนแห่งนี้ถูกอเมริการะดมทิ้งระเบิดอย่างหนัก จนวัดอารามที่สวยงามพังทลายจนหมดสิ้น ส่วนอาคารสถานทูตฝรั่งเศสนั้นแม้จะได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดไม่น้อยแต่ก็ยังคงอยู่รอดมาได้ ส่วนตึกบางแห่งที่เหลือแต่เพียงซากปรักหักพัง ทางการลาวยังคงสภาพเดิมเอาไว้เพื่อให้ชาวลาวรุ่นหลังได้เห็นพิษภัยความหายนะของสงครามที่เกิดขึ้นในอดีต หลังสงครามอินโดจีนสิ้นสุดลง ทางการลาวได้ทำการย้ายเมืองหลวงจากเมืองคูนมาอยู่ที่เมืองโพนสะหวันในปัจจุบันนี้ ภายในตัวเมืองคูนเมืองหลวงเก่าของแขวงเชียงขวางจะเห็นวัดอยู่แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ติดริมถนนทางด้านซ้ายมือมีชื่อว่าวัดเพีย มีอายุเก่าแก่กว่า 600 ปี วัดเพียแปลเป็นภาษาไทยว่า วัดใหญ่ คำว่าเพียแปลว่าใหญ่ ตัวพระอุโบสถมีแต่เพียงซากปรักหักพัง ซึ่งเกิดจากพิษภัยของสงครามคงเหลือแต่พระพุทธรูปปางสมาธิที่ทำมาจากปูนความสูงประมาณ 10 เมตร ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง เป็นที่เคารพบูชาของชาวเมืองคูนและประชาชนลาวทั่วไป ด้านข้างมีกุฏิพระใช้เป็นที่จำพรรษาของภิกษุสามเณร ก่อนถึงวัดเพียประมาณ 100 เมตร จะมีทางแยกลูกรังซ้ายมือเข้าไปยังพระธาตุฝุ่น ระยะทางประมาณ 200 เมตร เป็นพระธาตุเก่าแก่องค์หนึ่งในเมืองคูน รอบฐานองค์พระธาตุฝุ่นจะสมบูรณ์ไปด้วยดอกบัวตองหรือที่ชาวลาวเรียกว่า ดอกบัวขม ออกดอกสีเหลืองบานสะพรั่งรอบฐานองค์พระธาตุฝุ่น ริมถนนทางเข้าพระธาตุคือตลาดเมืองคูน เป็นตลาดขนาดเล็กที่มีชนเผ่าต่างๆ นำผลผลิตทางการเกษตรและของป่ามาวางขายริมถนนราคาถูก ชาวลาวในเมืองคูนมาจับจ่ายซื้อสินค้ากันพอสมควร ตลอดสองข้างทางจากเมืองโพนสะหวันไปยังเมืองคูน(เมืองหลวงเก่า) ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร จะแลเห็นวิวทิวทัศน์ท้องทุ่งนา ลักษณะคล้ายขั้นบันได รวงข้าวสีทองเหลืองอร่ามรอการเก็บเกี่ยว สลับกับเทือกเขาหัวโล้นเป็นแนวยาวไปจนสุดสายตา ภาพวิถีชีวิตชาวนาลาวกำลังช่วยกันลงแขกเก็บเกี่ยวข้าวในท้องทุ่งนา ซึ่งเป็นประเพณีโบราณและเป็นภาพที่หาดูได้ยากแล้วในเมืองไทย ภาพของชาวนากำลังช่วยกันฟัดข้าวอยู่กลางท้องถิ่น โดยใช้เครื่องมือช่วยในการฟัดชนิดพิเศษที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร คือ ซากลูกระเบิดจากเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-52 สถานที่ที่น่าสนใจ ตลาดเช้าชนเผ่า จากตัวเมืองโพนสะหวันมาทางทิศตะวันออกบนทางหลวงหมายเลข 7 ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของตลาดเช้าของชนเผ่าต่างๆ ในแขวงเชียงขวาง ซึ่งจะนำพืชผักผลไม้รวมทั้งสัตว์ป่าที่หาได้ในบริเวณนี้มาวางขายกันตอนเช้าตรู่ตั้งแต่ 05.00 08.00 น. และจะมีเฉพาะวันอาทิตย์วันเดียวเท่านั้น มีชาวจีนและชาวเวียตนามนำสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันเช่น เสื้อกันหนาว สบู่ ยาสีฟัน รองเท่า สิ่งของบริโภค เช่นน้ำมันพืช อาหารกระป๋อง ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นของที่ผลิตจากประเทศจีนและเวียตนามจำหน่ายในราคาย่อมเยา สินค้าที่นำมาจากประเทศไทยมีน้อยมาก อีกทั้งราคายังแพงกว่า ชาวลาวนิยมใช้สินค้าที่ผลิตจากประเทศไทยเพราะมีคุณภาพดีกว่า นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาชมตลาดเช้าชนเผ่า อาจจะต้องตื่นแต่เช้า ประมาณ 04.00 น. จากนั้นนั่งรถฝ่าความหนาวเย็นระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 7 ตลาดเช้าชนเผ่า อยู่ทางขวามือต้องเอาไฟฉายติดไปด้วย เพราะอากาศในตอนเช้ามืดมาก หมู่บ้านชนเผ่าม้ง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองโพนสะหวัน ทางหลวงหมายเลข 7 ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ห่างจากตลาดเช้าชนเผ่าไม่กี่กิโลเมตร นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากยุโรปชอบเดินทางมาเที่ยวชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าม้งที่หมู่บ้านแห่งนี้ เพราะยังคงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีของชนเผ่าม้งเอาไว้ เช่น การตำข้าว การตีเหล็ก แต่สิ่งที่มีลักษณะพิเศษกว่าหมู่บ้านม้งอื่นๆคือ การนำเอาซากลูกระเบิด B-52 มาดัดแปลงทำเป็นรั้วบ้าน เสาบ้าน ทั้งตีเหล็กรางข้าวหมู ซึ่งมีเห็นแทบทุกหลังคาเรือน อนุสาวรีย์ทหารลาว เวียตนาม ตั้งอยู่บนเนินเขาในเมืองโพนสะหวัน แขวงเชียงขวาง เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของทหารลาวและเวียตนามในสงครามอินโดจีน ที่ช่วยกันต่อสู้ขับไล่มหาอำนาจอเมริกาให้ออกไปจากอินโดจีน นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี ตลอดจนความหลากหลายของชนเผ่าต่างๆ ในแชวงเชียงขวางแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามให้นักท่องเทียวได้มาสัมผัส วิวทิวทัศน์ของขุนเขาอันสลับซับซ้อน สีเขียวขจีคล้ายพรมกำมะหยี่จากธรรมชาติ สัมผัสอากาศอันหนาวเย็นตลอดทั้งปี เปรียบเสมือนกับได้เดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศนิวซีแลนด์ แต่เป็นนิวซีลาว
ISB104-TG : ปากีสถานเหนือ - ซินเจียงใต้ คาราโครัมไฮเวย์ เส้นทางสายไหมโบราณ อิสลามาบัด ตักศิลา สการ์ดู กิวกิต ฮุนซ่า คัชการ์ ทะเลสาบไป๋ซาหู ถนนผานหลง ซีอาน วันเดินทาง 10 - 19 ตุลาคม 2568 เที่ยว 2 ประเทศ ปากีสถานเหนือ สการ์ดู กิวกิต ฮุนซ่า ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เที่ยว ซินเจียงใต้ เมืองคัชการ์ ทะเลสาบไป๋ซาหู เมืองทัชเท่อร์กาน ด่านคุนจีราพ
Hotline 0-936468915, 0-823656241 ใบอนุญาตเลขที่ 11/05028