|
|
|
|
|
|
|
|
ท้องทุ่งแห่งเมืองปากเซ
จำปาสัก |
|
|
สถานที่ตั้ง
: อยู่ติดกับจังหวัดอุบลราชธานี
เมืองหลวง : เมืองปากเซ
ในบรรดาแขวงต่างๆ ของลาวตอนใต้ต้องยกให้แขวงจำปาสัก เป็นแขวงที่รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
เพราะภูมิศาสตร์ของแขวงนี้มีสภาพที่หลากหลาย ทั้งป่าใหญ่บนที่สูง
และที่ราบลุ่มริมน้ำโขง เป็นแขวงที่มีแม่น้ำโขงไหลผ่านกลางแขวง
อยู่ติดกับพรมแดนไทยที่ช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี สามารถนำรถเข้าไปเที่ยวได้สะดวกหรือจะใช้บริการแพ็กเก็จทัวร์ก็ได้
เมืองของแขวงจำปาสักคือ ปากเซ อยู่ห่างจากช่องเม็กเพียง
42 กิโลเมตร |
ตัวเมืองปากเซ จำปาสัก |
ตัวเมืองปากเซ จำปาสัก |
ตัวเมืองปากเซ จำปาสัก |
ตัวเมืองปากเซ จำปาสัก |
ปากเซ จำปาสัก |
ปากเซ จำปาสัก |
สะพานเมืองปากเซ |
ไกด์ลาว เมืองปากเซ |
ท้องทุ่งแห่งเมืองปากเซ
จำปาสัก |
|
|
บรรยากาศริมโขง
เมืองปากเซ จำปาสัก |
|
|
สะพานข้ามแม่น้ำโขง
เมืองปากเซ จำปาสัก |
|
|
แขวงจำปาสัก
มีอาณาเขตทางทิศตะวันตกติดกับชายแดนประเทศไทยทางด่านช่องเม็ก
อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ทิศใต้ติดต่อกับเขตจังหวัดกัมปงทมของประเทศกัมพูชา
มีพื้นที่ประมาณ 15,415 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยเมืองต่างๆ
คือ เมืองปากเซ ชนะสมบูรณ์ ปากช่อง ประทุมพร สุขุมา จำปาสัก
โพนทอง เมืองโขง มุลละปาโมก ในอดีตแขวงจำปาสักมีชื่อเรียกว่า
เขตแคว้นของนครกาละจำบากนาคะบูริสี เป็นศูนย์รวมของศิลปวัฒนธรรม
การเมือง เศรษฐกิจของประเทศลาวตอนใต้ แต่ภายหลังที่ฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมตั้งเมืองปากเซขึ้นเป็นเมืองหลวงในปี
พ.ศ. 2448 เมืองจำปาสักซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของแขวงจำปาสักจึงถูกลดระดับความสำคัญลงไป
แขวงจำปาสัก ปรากฏชื่อในพงศาวดารเขมรว่า สะมะพูปุระ เมื่ออาณาจักรฟูนันเสื่มอำนาจ
คนลาวได้ย้ายถิ่นเข้ามาสร้างบ้านเรือนกลายเป็นเมืองใหม่นามว่า
จำปานะคะบุลีสีหรือจำปานคร ถึงรัชสมัยพระเจ้าฟ้างุ้มได้ทรงรวบรวมเมืองต่างๆของลาวเข้ามาเป็นอาณาจักรเดียวกันชื่อว่าล้านช้าง
เป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองในทุกด้าน มีเมืองหลวงอยู่ที่หลวงพระบาง
แต่เมื่อพระเจ้าฟ้างุ้มสิ้นพระชนม์ อาณาจักรล้านช้างเริ่มตกต่ำลงเพราะสงครามแย่งชิงอำนาจและการก่อกบฏต่างๆนานนับร้อยปี
จนถึง พ.ศ. 2063 พระเจ้าโพธิสารราชเจ้าขึ้นครองราชย์และรวบรวมแผ่นดินขึ้นใหม่
และได้ย้ายเมืองหลวงของอาณาจักรล้านช้าง มาอยู่ที่เวียงจันทน์เพื่อให้ไกลจากการรุกรานของสยาม
อาณาจักรล้านช้างเจริญมาได้ 200 ปีเศษก็เริ่มอ่อนแอ แตกออกเป็น
3 ฝ่าย คือ อาณาจักรหลวงพระบาง อาณาจักรเวียงจันทน์ และอาณาจักรจำปาสัก
ซึ่งตรงกับสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชระแวงว่าลาวจะร่วมมือกับพม่ายกทัพมาตีไทย
จึงโปรดให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ 1) ยกทัพไปตีลาวทั้ง
3 อาณาจักร ตกเป็นของไทยนาน 114 ปีจนถึงปี พ.ศ. 2436 ไทยต้องยกลาวให้กับฝรั่งเศส
แต่ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสเริ่มอ่อนแอ ญี่ปุ่นได้เข้ามาปกครองแทน
แต่ภายหลังสิ้นสงครามโลกญี่ปุ่นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ฝรั่งเศสได้กลับมาปกครองลาวอีกครั้งหนึ่ง
จนถึงปี พ.ศ. 2497 ฝรั่งเศสแพ้สงครามโลกที่เดียนเบียนฟู ลาวได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์
แต่กลับถูกสหรัฐอเมริกาเข้าแทรกแซงทางการเมืองและการทหาร กลุ่มลาวรักชาติจึงได้ร่วมกันต่อสู้จนสหรัฐอเมริกาล่าถอย
ลาวได้เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ยกเลิกสถาบันเจ้าชีวิตหรือสถาบันกษัตริย์
โดยเจ้าชีวิตองค์สุดท้ายแห่งราชอาณาจักรจำปาสักคือเจ้าบุญอุ้ม |
ปากเซ จำปาสัก |
ปากเซ จำปาสัก |
ปากเซ จำปาสัก |
ปากเซ จำปาสัก |
ตลาดดาวเรือง
เมืองปากเซ จำปาสัก |
|
|
ตลาดดาวเรือง
เมืองปากเซ จำปาสัก |
|
|
แหล่งท่องเที่ยว
กิจกรรมท่องเที่ยวแขวงจำปาสักมีหลากหลายและน่าสนใจ
หากชอบประวัติศาสตร์ก็ไปที่ปราสาทหินวัดพู มรดกโลกที่เมืองจำปาสัก
ถ้าชอบธรรมชาติก็ไปดูความยิ่งใหญ่ของน้ำตกหลี่ผี น้ำตกคอนพะเพ็งซึ่งอยู่ทางตอนใต้
หรือน้ำตกตาดฟาน น้ำตกตาดเยือง น้ำตกตาดผาส้วม ซึ่งอยู่ที่ปากช่อง
สถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองปากเซ
วังเจ้าบุญอุ้ม : ตั้งอยู่ห่างจากเมืองปากเซไปทางทิศตะวันออกบนทางหลวงหมายเลข
13 ระยะทางประมาณ 500 เมตร
ในอดีตวังเจ้าบุญอุ้มเคยใช้เป็นที่ประทับของเจ้าบุญอุ้ม ณ
จำปาสัก เจ้าผู้ครองนครองค์สุดท้ายก่อนที่จะเกิดการปลดปล่อยหรือเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศเป็นระบอบสังคมนิยมในปี
พ.ศ. 2518 ทำให้พระราชวังแห่งนี้ตกอยู่ในการดูแลของรัฐบาลลาว
เจ้าบุญอุ้มเคยเป็นนายกรัฐมนตรีของลาวในปี พ.ศ. 2503 2505
ต่อมาภายหลังต้องเสด็จลี้ภัยทางการเมืองไปประทับที่ฝรั่งเศสในปี
พ.ศ. 2517 และสิ้นพระชนม์ที่กรุงปารีสในปี พ.ศ. 2521 พระราชวังเริ่มสร้างในปี
พ.ศ. 2511 แต่สร้างเสร็จหลังการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี
พ.ศ. 2518 ทำให้เจ้าบุญอุ้มไม่มีโอกาสได้ครองพระราชวังหลังใหม่
ซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างงดงามเหนือลำน้ำเซโดน ตั้งอยู่เนินสูงใจกลางเมืองปากเซ
ตัวพระราชวังเป็นตึกก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่สูง 6 ชั้น ได้รับอิทธิพลจากประเทศฝรั่งเศส
สร้างโดยไม่มีการตอกเสาเข็ม แต่ใช้เสาจำนวนมากในการรับน้ำหนัก
ภายในพระราชวังมีประตูหน้าต่างรวมกันกว่า 1,900 บาน ประตูหน้าต่างเหล่านี้ก่อสร้างและตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม
จนได้รับการขนานนามว่า ศาลาพันห้อง ตัวพระราชวังหันหน้าไปทางแม่น้ำโขง
ด้านหลังอยู่ติดแม่น้ำเซโดน
พระราชวังแห่งนี้ ทางรัฐบาลลาวใช้เป็นที่จัดประชุมพรรคและเป็นที่พำนักของแขกบ้านแขกเมืองมาจนถึง
พ.ศ. 2538 ปัจจุบันพระราชวังได้รับการตกแต่งใหม่และเปิดเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองปากเซ
ชื่อว่า โรงแรมจำปาสัก พาเลซ โดย ดร.ปองศักดิ์ ว่องพาณิชเจริญ
ชาวจังหวัดศรีสะเกษ เป็นผู้บูรณะปรับปรุงใหม่ แผนของโรงแรมเป็นรูปตัว
E ห้องล็อบบี้กรุด้วยไม้และแกะสลัก ห้องประชุมตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นรูปลาวลุ่มกับชาวเขาเผ่าต่างๆ
สำหรับชั้นที่ 6 เป็นชั้นบนสุดที่มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบเมืองปากเซ
สะพานมิตรภาพลาว ญี่ปุ่น ทอดตัวยาวข้ามแม่น้ำโขง ตลอดจำสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำเซโดนที่อยู่ติดด้านหลังของโรงแรมจำปาสัก
พาเลซ และนับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงามที่สุดในเมืองปากเซ
วัดถ้ำไฟ
: ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเซโดน ห่างจากโรงแรมจำปาสัก พาเลซ มาทางทิศตะวันออกประมาณ
100 เมตร
วัดถ้ำไฟ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าวัดพระพุทธบาท เนื่องจากภายในพระอุโบสถมีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่
ถัดมาทางซ้ายเป็นหอแจก ลักษณะเป็นตัวอาคารทรงโรม หลังคาลาดต่ำ
ชาวบ้านใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมในวันสำคัญทางศาสนา จุดเด่นอยู่ตรงที่สิมตรงกลางหลังคารูปช้างสามเศียร
ซึ่งหมายถึงอาณาจักรทั้ง 3 ของลาว ได้แก่ หลวงพระบาง เวียงจันทน์
และจำปาสัก
ตลาดเก่า
: ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง ตรงข้ามศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเมืองปากเซ
แม้ว่าปัจจุบันจะมีการเปิดตลาดใหม่ขึ้นก่อนถึงสะพานมิตรภาพลาว
ญี่ปุ่น แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังมานิยมจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดเก่า
เพราะตั้งอยู่ใจกลางเมือง ชาวบ้านจะนำสินค้าพวกผ้าทอพื้นเมือง
เครื่องอุปโภค บริโภค ตลอดจนผักผลไม้มาวางขาย ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้ามาจากไทย
นอกจากนี้บริเวณตลาดเก่ายังมีคิวรถโดยสาร VIP จากปากเซ เวียงจันทน์
ให้บริการอีกด้วย ซึ่งจะออกเวลาประมาณ 2 ทุ่ม และจะมาถึงเวียงจันทน์
6 โมงเช้า
วัดหลวง
: ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเซโดน ทางทิศเหนือของตลาดเก่า วัดหลวงสร้างขึ้นในปี
พ.ศ. 2478 เป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญในเมืองปากเซ เพราะเป็นสถานที่เก็บอัฐิของราชวงศ์สายจำปาสักหลายพระองค์
รวมทั้งอัฐิของท่านกระต่าย โดนสะโสลิด อดีตนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลฝ่ายอนุรักษ์นิยม
มีลักษณะเป็นสถูปเจดีย์เรียงรายโดยรอบวัด จุดเด่นน่าชมอยู่ที่บานประตูและหน้าต่างของพระอุโบสถ
แกะสลักด้วยไม้ลวดลายสวยงาม ถัดมาทางขวาของพระอุโบสถเป็นอาคารเก่าแก่
ซึ่งใช้เป็นหอสมุดและสำนักงานของครู ส่วนด้านหลังเป็นอาคารไม้
2 ชั้น อยู่ติดกับแม่น้ำเซโดนใช้เป็นโรงเรียนสอนพุทธศาสนาสำหรับพระสงฆ์
|
บรรยากาศริมโขง
เมืองปากเซ จำปาสัก |
|
|
บรรยากาศริมโขง
เมืองปากเซ จำปาสัก |
|
|
บรรยากาศริมโขง
เมืองปากเซ จำปาสัก |
|
|
สถานที่ท่องเที่ยวนอกเมืองปากเซ
เมืองจำปาสัก
: อยู่ถัดจากเมืองปากเซลงมาทางใต้ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 13
ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร มาถึงท่าแพบ้านม่วง เพื่อต่อแพขนานยนต์ข้ามฝั่งมายังเมืองจำปาสัก
ในอดีตเมืองจำปาสักแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองของแขวงเป็นที่ประทับของพระราชวงศ์ในสมัยก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ปัจจุบันเหลือเพียงพระตำหนัก 2 หลัง ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมือง
คือ วังของเจ้าราชดนัย (บิดาของเจ้าบุญอุ้ม) เป็นตึกเก่าแก่สมัยอาณานิคมอยู่ตรงข้ามกับเรือนพักสุจิตรา
ส่วนวังเจ้าบุญอ้อม (น้องชายของเจ้าบุญอุ้ม) เป็นตึกสีขาว
2 ชั้น แต่เมืองฝรั่งเศสตั้งเมืองหลวงใหญ่อยู่ที่ปากเซ จำปาสักจึงกลายเป็นเมืองริมน้ำโขงที่เงียบสงบ
มีที่ทำการฯ เป็นศูนย์กลางตั้งอยู่บนถนนลาดยางสายเดียวในเมือง
ส่วนถนนสายอื่นๆโดยมาเป็นทางลูกรัง สองข้างทางของถนนร่มรื่นไปด้วยทิวไม้น้อยใหญ่
ในเมืองจำปาสักมีวัดสำคัญประจำเมือง คือ วัดทุ่ง เป็นวัดประจำราชวงศ์และใช้เป็นที่ฝังศพของเจ้านายหลายพระองค์
มีเกสต์เฮาส์ที่ดัดแปลงจากบ้านเรือนและร้านอาหารริมน้ำโขงบรรยากาศดีเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
การเดินทาง
ถ้าต้องการเดินทางไปยังเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ต้องเริ่มต้นที่ด่านพรมแดนช่องเม็ก
อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี อยู่ห่างจากตัวเมืองอุบลราชธานีประมาณ
90 กิโลเมตร ซึ่งเป็นประตูสู่เมืองปากเซแขวงจำปาสัก จากนั้นมาตามทางหลวงหมายเลข
10 เป็นถนนลาดยาง ระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร จะถึงสะพานมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น
ข้ามแม่น้ำโขงมาเมืองปากเซ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
สำหรับการเดินทางจากพรมแดนช่องเม็กเข้าไปเมืองปากเซ สามารถใช้บริการของสถานีขนส่งลาว
ที่อยู่ห่างจากด่านตรวจคนเข้าเมืองลาวระยะทาง 300 เมตร มีทั้งรถโดยสารประจำทาง
รถสองแถว วันละหลายเที่ยว แต่ถ้ามีประมาณ 3-4 คน แนะนำให้ใช้บริการรถยนต์รับจ้าง
จะสะดวกและเร็วกว่า
จากชายแดนช่องเม็กในอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ผ่านด่านวังเต่า
ชายแดนลางที่ชาวบ้านจะนำสินค้ามาวางขาย นักท่องเที่ยวสามารถแวะชมแวะซื้อได้ตามสะดวก
จากนั้นมาตามทางหลวงหมายเลข 10 ซึ่งเป็นถนนลาดยางอย่างดี ระยะทางประมาณ
42 กิโลเมตร ก็จะถึงสะพานมิตรภาพลาว ญี่ปุ่น มีความยาว 1,380
เมตร ข้ามแม่น้ำโขงมาถึงเมืองปากเซ เมืองหลวงของแขวงจำปาสักซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ
3 ของลาว สมัยนั้นฝรั่งเศสตั้งเมืองจำปาสักขึ้นมาเพื่อคานอำนาจเมืองจำปาสัก
(บ้านวัดทุ่ง) ซึ่งมีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ย้อนไปถึงยุคก่อนเข้ามาตั้งรกรากของขอมโบราณ
เมืองปากเซไม่มีอารยธรรมเก่าแก่เหมือนกับเมืองจำปาสัก แต่กลับมีความหลากหลายของเชื้อชาติ
ประเพณีและวัฒนธรรม มีจำนวนประชากรประมาณ 70,000 คน นอกจากชาวลาวแล้วยังมีชาวจีนและเวียดนามเข้ามาตั้งรกรากเป็นจำนวนมาก
บรรยากาศทั่วไปเมืองปากเซเงียบสงบเป็นธรรมชาติ ชาวบ้านมีวิถีชีวิตเรียบง่าย |
ของฝากปากเซ
ลาวใต้ จำปาสัก |
|
|
ของฝากปากเซ
ลาวใต้ จำปาสัก |
|
|
ของฝากปากเซ
ลาวใต้ จำปาสัก |
|
|
|
บรรยากาศยามเย็นริมโขง
นครจำปาสัก ลาวใต้ |
|
|
ของฝากเมืองปากเซ จำปาสัก |
ของฝากเมืองปากเซ จำปาสัก |
ของฝากเมืองปากเซ จำปาสัก |
ของฝากเมืองปากเซ จำปาสัก |
อาหารเมืองปากเซ จำปาสัก |
อาหารเมืองปากเซ จำปาสัก |
เมืองปากเซ จำปาสัก |
เมืองปากเซ จำปาสัก |