อำเภอนาน้อย
อุทยานแห่งชาติศรีน่าน
มีพื้นที่ประมาณ ๕๘๓,๗๕๐ ไร่ หรือ ๙๓๔ ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเวียงสา
อำเภอนาน้อย และอำเภอนาหมื่น เทือกเขาสลับซับซ้อนที่วางตัวในแนวเหนือ-ใต้
ขนานกันทั้งทางทิศตะวันตกและตะวันออกแบ่งพื้นที่ออกเป็นฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก
สองฝั่งแม่น้ำเป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง ในเขตเทือกเขาประกอบด้วยป่าดิบเขา
ป่าดิบแล้ง ป่าสนเขา พบสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เช่น นกยูงซึ่งมีอยู่หลายฝูง
เสือดาว เสือดำ หมี กวาง หมาป่า และหมาใน มีสัตว์ป่าหลายชนิดที่สำคัญ
คือ ช้างป่า วัวแดง และกระทิง ซึ่งจะอพยพไปมาระหว่างเขตติดต่อประเทศไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
(สปป. ลาว)
สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ
ผาชู้ บริเวณเชิงผาชู้เป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานฯ
ในฤดูหนาวสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้จาก ยอดผาชู้ และเมื่อหมอกจางลง
จะมองเห็นลำน้ำน่านทอดตัวคดเคี้ยวอยู่ที่ปลายผืนป่า เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นระยะทางประมาณ
๒ กิโลเมตร ช่วงใกล้ขึ้นถึงยอดจะเป็นหินแหลมคม จึงต้องเตรียมรองเท้าผ้าใบที่ใส่กระชับไปด้วยเพื่อความสะดวกในการปีนป่าย
ใช้เวลาในการเดินไป-กลับ ประมาณ ๑ ชั่วโมง ผู้ที่ประสงค์จะเดินขึ้นยอดผาชู้ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางที่อุทยานฯ
ตามตำนานที่เล่ากันมาเกี่ยวกับผาชู้กล่าวว่า เจ้าเอื้องผึ้งซึ่งเป็นคู่รักกับเจ้าจันทน์ผา
จำใจต้องแต่งงานกับเจ้าจ๋วง เจ้าเอื้องผึ้งเสียใจที่ไม่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก
จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดจากหน้าผา เจ้าจันทน์ผาตามมาพบว่าเจ้าเอื้องผึ้งได้กระโดดหน้าผาไปแล้ว
จึงกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายตามคนรักตกไปอยู่ใกล้กัน และเจ้าจ๋วงได้เห็นหญิงที่ตนรักกระโดดหน้าผาไป
จึงรู้สึกเสียใจและตัดสินใจกระโดดหน้าผาตามลงไปด้วยแต่กระเด็นห่างออกไป
ด้วยความรักแท้ระหว่างเจ้าเอื้องผึ้งและเจ้าจันทน์ผา ในชาติต่อมาเจ้าเอื้องผึ้งจึงเกิดเป็นดอกกล้วยไม้เกาะอยู่ใต้ต้นจันทน์ผา
และเจ้าจ๋วงก็เกิดเป็นต้นสน ณ จุดที่ตกไปนั้นเอง ( จ๋วง
เป็นภาษาเหนือแปลว่าต้นสน เอื้องผึ้ง แปลว่ากล้วยไม้) หน้าผาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า
ผาชู้ นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
เสาดินนาน้อย (ฮ่อมจ๊อม) และคอกเสือ
ตำบลเชียงของ ห่างจากตัวเมืองน่าน ๖๐ กิโลเมตร จากอำเภอนาน้อยมีทางแยกไปตามทางหลวงหมายเลข
๑๐๘๓ ประมาณ ๖ กิโลเมตร เป็นเสาดินมีลักษณะแปลกตาคล้าย แพะเมืองผี
จังหวัดแพร่ จากหลักฐานทางธรณีวิทยา พบว่าเสาดินนาน้อยเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในยุคเทอร์เชียรีตอนปลาย
ประกอบกับการกัดเซาะของน้ำและลมตามธรรมชาติ นักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่ามีอายุประมาณ
๑๐,๐๐๐-๓๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว เคยเป็นก้นทะเลมาก่อน และจากหลักฐานการค้นพบกำไลหินและขวานโบราณที่นี่
(ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน) แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้อาจเคยเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ยุคหินเก่า
นอกจากนี้ยังมีจุดที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่
แก่งหลวง ห่างจากอำเภอนาน้อยประมาณ ๓๕ กิโลเมตร เส้นทางเข้าถึงแก่งหลวงลำบากมาก
เป็นเกาะแก่งตามธรรมชาติ เกิดจากกระแสแม่น้ำน่าน ไหลผ่านโขดหินที่กระจายอยู่กลางแม่น้ำ
ในหน้าน้ำจะได้ยินเสียงน้ำกระทบโขดหินดังกึกก้อง ยามหน้าแล้งจะมองเห็นแนวโขดหิน
และหาดทรายสีขาวเป็นแนวยาวตามริมฝั่งแม่น้ำน่าน ลงเล่นน้ำได้ช่วงหน้าแล้งเดือนเมษายนเท่านั้น
เพราะหน้าฝนน้ำจะเชี่ยวมากและเป็นอันตรายอาจทำให้จมน้ำได้
ผาหัวสิงห์และดอยเสมอดาว อยู่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ ๑๖ สายนาน้อย-ปางไฮ
เป็นจุดชมทิวทัศน์บนยอดหน้าผาสูง สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้
๓๖๐ องศา มีพื้นที่เป็นลานกว้างตามสันเขา สำหรับพักผ่อนและดูดาว
ดูพระอาทิตย์ตก หากจะเดินขึ้นไปบนผาสิงห์ (เป็นหน้าผาที่มีรูปร่างคล้ายหัวสิงห์)
ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางจากอุทยานฯ เส้นทางมีระยะ ๒ กิโลเมตร
ระหว่างทางจะพบต้นจันทน์ผาซึ่งเป็นไม้เด่น และเมื่อท้องฟ้าแจ่มใส
จากผาสิงห์สามารถมองเห็น อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา และแม่น้ำน่านได้
บ้านพักและสิ่งอำนวยความสะดวก
มีบ้านพักรับรอง และเต็นท์ให้เช่า แต่ต้องเตรียมอาหารไปเอง
ติดต่อและสอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ตู้ปณ.
๑๔ ตำบลศรีสะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ๕๕๑๕๐ โทร. ๐ ๕๔๗๐
๑๑๐๖, ๐ ๑๒๒๔ ๐๘๐๐ หรือกรมอุทยานแห่งชาติฯ โทร. ๐ ๒๕๖๒ ๐๗๖๐
www.dnp.go.th
การเดินทาง อุทยานแห่งชาติศรีน่านอยู่ห่างจากตัวอำเภอนาน้อย
๒๐ กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข ๑๐๘๓ สายนาน้อย-ปางไฮ ระหว่างทางมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเทือกเขาที่อยู่ในเขตอุทยานฯ
และแม่น้ำน่านที่ไหลคดเคี้ยวได้อย่างชัดเจน แม่น้ำน่านไหลผ่านอุทยานฯ
ไปจนถึงอำเภอปากนาย และป่าที่นี่ส่วนหนึ่งเป็นป่าเบญจพรรณ
ฉะนั้นในเดือนกุมภาพันธ์จะเห็นป่าเปลี่ยนสีสวยงามมาก หรือหากเดินทางโดยรถประจำทาง
ใช้รถสายกรุงเทพฯ-น่าน ลงที่อำเภอเวียงสา แล้วต่อรถประจำทาง
สายเวียงสา-นาน้อย-นาหมื่น ลงที่สามแยกบ้านใหม่ แล้วเหมารถสองแถวเข้าอุทยานฯ |