ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับประเพณีการแข่งเรือของจังหวัดน่านนั้น
มีหลายกระแสและเล่าขานกันต่อกันมานานนมกาเล ว่าในสมัยโบราณนานมาแล้วเจ้าผู้ครองนครน่าน
ซึ่งสืบเชื้อสายมา 64 องค์แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดนักว่าเป็นเจ้าผู้ครองนครองค์ใด
ได้มีคำสั่งให้ข้าราชการไปตัดไม้ตะเคียนซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งและมีขนาดใหญ่โตมากมาหนึ่งคู่ที่ป่าขุนสมุน
เมื่อโค่นต้นตะเคียนคู่ขนาดใหญ่ลงได้เล่าขานกันว่า ส่วนตอที่ตัดออกไปนั้น
สามารถจัดวางขันโตกเพื่อเตรียมอาหารให้กับบรรดาสล่า(ช่าง)ที่มาช่วยกันทำงานได้ถึง
100 โตก ส่วนลำต้นนั้นเมื่อโค่นลงมาแล้วก็ให้บรรดาสล่านับร้อยคนช่วยกันตกแต่ง
ถาก และขุดเป็นรูปเรือที่มีขนาดใหญ่โตมาก 2 ลำ ใช้เวลาอยู่กลางป่าเกือบสองปีเมื่อเสร็จก็ใช้ช้างหลายสิบเชือกลากจูงออกมาจากป่ามาโผล่ที่บ้านพวงพยอม
ร่องน้ำที่ชักลากจูงเรือในปัจจุบันนี้คือลำน้ำสมุน เมื่อลากจูงมาถึงแม่น้ำน่าน
แล้วเจ้าผู้ครองนครน่าน ได้จัดให้มีพิธีกรรมบวงสรวงเทพยาดาประจำไม้ตะเคียนนั้นและบายศรีสู่ขวัญอัญเชิญเรือทั้งสองลำลงสู่แม่น้ำน่าน
และตั้งชื่อเรือลำแรกว่า "เรือท้ายหล้า" และเรือลำหลังมีชื่อว่า
"เรือท้ายทอง" ต่อมาเจ้าผู้ครองนครน่านจึงได้ป่าวประกาศโดยทั่วให้ชาวบ้านชาวเมืองเอาเรือทั้งสองลำเป็นแม่แบบในการสร้างเรือเพื่อนำมาใช้แข่งขันกัน
โดยมีกำหนดว่าให้มีการจัดการแข่งขันขึ้นทุกครั้งที่มีงาน
"ตานก๋วยสลาก" (ถวายทานสลากภัต) หมู่บ้านใดวัดใดจัดให้มีการตานก๋วยสลาก
ก็ให้มีการเชื้อเชิญหมู่บ้านและวัดใกล้เคียงให้นำเรือมาแข่งขันกัน
เพื่อให้เกิดความสนุกสนานและความสามัคคี ระหว่างหมู่บ้านและวัดต่างๆ
ส่วนรางวัลนั้นได้แก่หมาก เมี่ยง บุหรี่ ผลหมากรากไม้และของกินของทานในวันถวายสลากภัตนั้นเอง
การแข่งขันไม่ได้เน้นหนักในด้านการแพ้หรือชนะ
แต่เน้นด้านความสนุกสนานและความสามัคคีเป็นหลัก เมื่อมีการแข่งขันกันอย่างกว้างขวางและประพฤติปฏิบัติเป็นประจำทุกปีมาโดยตลอด
จึงทำให้พฤติกรรมเหล่านี้กลายมาเป็นประเพณีการแข่งขันเรือของจังหวัดน่านในปัจจุบัน |