วัดโจคัง (Jokhang) วัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของทิเบต วัดโจคัง (Jokhang) หรือชาวจีนเรียกว่า ต้าเจ้าซื่อ (Dazhao Si ) เป็นวัดหลังคาทองมีอายุมากกว่า 1,400 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่ ประมาณ ปี ค.ศ. 639-647 ชาวทิเบตนับถือว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเขตปกครองตนเองทิเบต จุดเด่นของวัดนี้คือบนหลังคาวัด มีรูปปั้นสัญลักษณ์ พระธรรมจักรกัปวัตนสูตร ซึ่งพระพุทธองค์ประธานเป็นปฐมเทศนา เป็นรูปธรรมจักรและกวาง 2 ตัวนอนหมอบหันหน้าเข้าหาธรรมจักร ทั้งธรรมจักรและกวาง หุ้มด้วยทองคำแท้ ส่วนหลังคาวัดโจคังก็ประดับด้วยทองคำ ในยามเย็นเมื่อแสงอาทิตย์ สาดส่องต้องหลังคาวัด จะสะท้อนสีทองออกมาวาววับจับตาเป็นภาพที่งดงามประทับใจมาก ภายในวัดมีพระประธานเป็นพุทธรูปองค์ใหญ่ สูงประมาณ 3 เมตรคือ โจโวศากยมุนี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่เจ้าหญิง เหวินเฉิง พระธิดาของฮ่องเต้ราชวงศ์ถังของจีน ที่ได้เดินทางไกลมาแต่งงานกับโดยกษัตริย์ ซงจ้าน กัมโป นำมาด้วย พระพุทธรูปองค์นี้เป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงสุดของชาวทิเบต ทำให้วัดโจคังได้ชื่อว่าเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของทิเบต มีเรื่องเล่าว่า...เมื่อทหารเรดการ์ด ของกองทัพประชาชนในยุคปฏิวัติวัฒนธรรมของจีน ยกกำลังมาทำลายวัดวาอาราม และสถานที่สำคัญทางศาสนาในเมืองลาซาจนเสียหายยับเยิน แต่ทหารเรดการ์ด กลับไม่กล้าแตะต้องวัดโจคังเพราะเกรงกลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์และ อภินิหารของวัดนี้ สำหรับชาวทิเบตแล้ว เขามีความผูกพันกับวัดโจคังมาตั้งแต่เกิด พวกเขาถือว่าการได้มีโอกาสที่จะมาไหว้พระที่วัดนี้สักครั้ง ถือว่าเป็นบุญอันยิ่งใหญ่มาก เมื่อศาสนาพุทธนิกายมหายานได้เผยแผ่ เข้าไปในทิเบต ผสมกับความเชื่อในลัทธิบอนของชาวทิเบต ต่อมาได้ผสมผสานกับศาสนาพุทธ อีกนิกายหนึ่งคือ นิกายตันตระญาณ เป็นพุทธศาสนาอีกแนวทางหนึ่ง ซึ่งเป็นพุทธศาสนาแนวทางธิเบตเรียกว่า "Lamaism" แต่ยังรักษาประเพณีความเชื่อของศาสานพุทธนิกายมหายาน เช่น การเติมน้ำมันตะเกียงตามความเชื่อที่ว่าเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้ชีวิต ซึ่งก็คือการต่ออายุ ผู้เติมนั่นเอง น้ำมันนี้ได้มาจากไขของจามรี เป็นน้ำมันมีกลิ่นฉุนประหลาด เมื่อเข้าวัดธิเบตจะได้กลิ่นน้ำมันจามรีเป็นของคู่วัดธิเบตทุกแห่ง รอบๆวัดโจคังมีชาวทิเบตมากราบพระด้วยการทอดตัวลงไปนอนราบจนหน้าผากสัมผัสพิ้นแล้วลุกขึ้นมายืนแล้วกราบลงไปใหม่ แล้วลุกขึ้นมาแล้วกราบใหม่ในท่าเดิม ชาวธิเบตเรียก การกราบแบบนี้ว่า "กราบ 8 จุด" หรือ "อัษฏางคประดิษฐ์" อันเป็นการแสดงความเคารพสูงสุด เมื่อไปวัดโจคังจะเห็นภาพชาวธิเบตนอนราบกราบพระแล้วลุกขึ้นมาแล้วนอนลงกราบใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนี้อยู่ทั่ววัด บ่อยครั้งที่จะเห็นชาวทิเบตเดินวนกราบพระไปรอบๆวัด ด้วยการเดิน 3 ก้าว แล้วกราบพระ 1 ครั้งแล้วลุกขึ้นมาเดินไปอีก 3 ก้าว แล้วนอนกราบอีกครั้ง สลับกันไป บางคนเดินวนรอบวัดกราบพระไม่รู้กี่ร้อยรอบ รอบโบสถ์วัดโจคัง จะมี "Prayer Wheel" เป็นวงล้อขนาดใหญ่ ภายในวงล้อมีบทสวดมนต์ จารึกอยู่บนวงล้อ การหมุนวงล้อธรรมนี้จะหมุนไป ตามเข็มนาฬิกา หมุนวงล้อธรรม 1 ครั้ง เท่ากับการได้สวดมนตฺ์ ไป 40,000 จบ การหมุนวงล้อ พระธรรมคำสวดนี้ชาวธิเบตจะปฏิบัติกันจนเป็นกิจวัตร ดังนั้น เมื่อเดินไปตามถนนก็จะเห็นชาวธิเบตถือวงล้อ ธรรมดา ขนาดเล็ก เดินไปหมุนไปด้วยตลอดเวลา วัดโจคังสร้างขึ้นหลังจากการอภิเษกสมรส ระหว่างราชธิดาราชวงศ์ถังของจีนกับกษัตริย์ทิเบต เจ้าหญิง เหวินเฉิง ทรงนำพระพุทธรูปพระศากยมุนีจากจีนมาด้วย เมื่อสร้างวัดเสร็จ ได้อัญเชิญพระพุทธรูปไปประดิษฐาน ณ วัดโจคัง ปัจจุบันการทำพิธีสำคัญทางศาสนาพุทธก็จะมาทำพิธีที่วัดนี้ วัดโจคังเป็นสถานที่สำคัญมีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของเมืองลาซา นอกจากพระราชวังโปตาลาแล้ว วัดโจคังก็เป็นสถานที่อีกแห่งที่พลาดเสียมิได้ วัดนี้อยู่ทางตะวันออกของพระราชวัง บริเวณรอบวัดมีถนนล้อมรอบ ชาวทิเบตเรียกกันว่า ถนนแปดเหลี่ยม เพราะถนนสายนี้ หักเป็นมุมล้อมรอบวัดเป็นรูปแปดเหลี่ยม บนถนนสายนี้เป็นย่างช้อปปิ้งและย่านที่คึกคักจอแจที่สุดของเมืองลาซาอีกด้วย