|
สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดอยุธยา |
พระเจ้าเสือ |
ราชวงศ์ : บ้านพลูหลวง
ปีที่ครองราชย์ : พ.ศ.2246-2252
พระเจ้าเสือ ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่
30 ของอาณาจักรอยุธยา พระองค์มีฐานะในชื่อเสียงดุร้าย และมักมากในกามคุณ
แต่ก็เป็นกษัตริย์ที่ทรงมีความเป็นสามัญชนมากที่สุดของอยุธยา
ทรงโปรดปรานการเสด็จออกประพาสโดยมิให้ราษฏรรู้ว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดิน
ทรงโปรดปรานการประพาสตกปลา ชกมวย เป็นต้น
พระเจ้าเสือประสูติที่จังหวัดพิจิตร
(วัดโพธิประทับช้าง) กล่าวกันว่าพระองค์เป็นโอรสลับของพระนารายณ์อันเกิดจากสนมที่เป็นเจ้าหญิงจากเชียงใหม่
แต่เนื่องจากพระนารายณ์ทรงอับอายที่มีโอรสกับเจ้าหญิงที่เป็นลาว
(ซึ่งแต่เดิมไทยอยุธยาถือว่าเชียงใหม่หรืออาราจักรล้านนาก็เป็นลาวเหมืองกับล้านช้าง-หลวงพระบาง-เวียงจันทร์
และดูถูกว่าต่ำต้อยกว่าไทยที่อยุธยาหรือรัตนโกสินทร์) ดังนั้นพระนารายณ์จึงยกพระเจ้าเสือ
ซึ่งมีนามเดิมว่า เดื่อ ให้เป็นบุตรบุญธรรมของพระเพทราชาเจ้ากรมช้าง
ในสมัยที่ทรงพระเยาว์ พระเจ้าเสือทรงมีพระนามปรากฏในความสามารถในการบังคับบัญชาช้าง
ซึ่งถือว่าเป็นวิชาที่สำคัญต่อความเป็นทหารและความเป็นผู้นำ
ดังนั้นจึงรับราชการเป็น หลวงสรศักดิ์ ในกรมช้าง
ในช่วงปลายของสมัยพระนารายณ์
พระเจ้าเสือและพระบิดาคือพระเทพราชาได้กลายเป็นศูนย์กลางของการต่อต้านอิทธิพลของคริสต์ศาสนาและฝรั่งเศส
พระเจ้าเสือทรงมีความสำคัญสำหรับผลักดันให้พระเพทราชายึดอำนาจ
ตั้งตนเป็นกษัตริย์และสถาปนาราชวงศ์ใหม่ คือ ราชวงศ์บ้านพลูหลวง
พระองค์กำจัดผู้มีสิทธิสืบราชสมบัติ 3 รายคือพระอนุชา 2 องค์ของพระเจ้าแผ่นดินสมัยนั้น
คือพระเจ้าอภัยทศและเจ้าฟ้าน้อย รวมทั้งโอรสบุญธรรมคือ พระปีย์
พระเจ้าเสือยังได้รับการสนับสนุนนอกเหนือจากกรมช้างของพระบิดาแล้ว
ก็ยังมีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งที่ไม่พอใจบาทหลวงคริสต์ศาสนาเข้าร่วม
รวมทั้งกองกำลังจากกองทหารมอญที่เข้ามารับราชการอยู่ในไทย
เมื่อพระเพทราชาได้ราชสมบัติ
พระเจ้าเสือก็ได้รับสถาปนาเป็นอุปราช หรือวังหน้า (กรมพระราชวังบวรสถานมงคล)
มีฐานะคล้ายเป็นกษัตริย์องค์ที่ 2 ของอยุธยา แต่เมื่อพระเพทราชาประชวรจะสวรรคตก็เกิดปัญหาการสืบราชสมบัติขึ้นอีก
พระเจ้าเสือประหารพระเจ้าขวัญซึ่งเป็นอนุชาต่างมารดาของพระองค์
แต่เป็นพระอนุชาที่พระเพทราชาโปรดจะให้สืบราชสมบัติแทน พระเพทราชาทรงไม่พอพระทัยจึงยกราชสมบัติให้พระนัดดา
คือ เจ้าพระพิไชยสุรินทร์ แต่ว่าเมื่อพระเพทราชาสวรรคตเจ้าพระพิไชยสุรินทร์ไม่กล้ารับราชสมบัติ
พระเจ้าเสือจึงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แทน
พระเจ้าเสืออยู่ในราชสมบัติค่อนข้างสั้น
คือ 6 ปี และกลับเป็นรัชสมัยที่ค่อนข้างที่จะไม่มีปัญหาทั้งเรื่องภายในและภายนอกนัก
ในสมัยพระองค์มีเรื่องราวที่เล่ากันต่อมาเกี่ยวกับการเสด็จประพาสทางเรือและลัทธิของความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และกฏเกณฑ์ของบ้านเมือง
กล่าวกันว่าครั้งหนึ่งเสด็จจากอยุธยาตามลำน้ำเจ้าพระยาเข้าคลองโคกขาม
จะไปเมืองสมุทรสาคร นายท้ายเรือพระที่นั่งชื่อ พันท้ายนรสิงห์
คัดท้ายเรือไม่ดี หัวเรือชนต้นไม้หักซึ่งตามกฎหมายในกฎมณเฑียรบาลแล้วจะต้องถูกประหารชีวิตด้วยการตัดคอพระเจ้าเสือทรงมีเมตตาต่อพันท้ายนรสิงห์
จะไม่เอาโทษแต่พันท้ายนรสิงห์ก็ยอมตายขอให้ประหารชีวิตเพื่อรักษากฎหมาย
นอกจากนั้นในสมัยพระเจ้าเสือยังจดจำในเรื่องการขุดคลองพระองค์ทรงให้ขุดคลองมหาชัยเชื่อมระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำท่าจีนเป็นผลงานสำคัญในการเชื่อมแม่น้ำสายสำคัญในภาคกลาง
ทำให้การคมนาคมสะดวกติดต่อกันได้ การขุดคลองดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นชลประทาน
แต่เพื่อประโยชน์ในการคมนาคม (การค้าและกาสงคราม) มากกว่า
แต่ก็มีผลพลอยได้ในการเปิดที่ดินใหม่เพื่อการเกษตรกรรมอย่างมหาศาล
และเป็นกิจกรรมที่เห็นได้มากขึ้นในในสมัยรัตนโกสินทร์ ก่อนที่จะกลายเป็นการขุดคลองเพื่อเปิดที่ดินสำหรับการปลูกข้าวเพื่อส่งออกนับแต่สมัยรัชกาลที่
4 และที่ 5 เป็นต้นมา
พระเจ้าเสือสวรรคตเมื่อพระชนม์พรรษาได้ 45 และพระโอรสก็ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระเจ้าท้ายสระ
|
|
อยุธยา จังหวัดอยุธยา ประวัติศาสตร์อยุธยา โรงแรมอยุธยา
ราชธานีเก่า
อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา |
ข้อมูลท่องเที่ยว จังหวัดอยุธยา
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ทัวร์โปรโมชั่น
โปรแกรมทัวร์อื่นๆ |
 |
โปรแกรมจอยทัวร์ |
|
| |
|