สถานที่ท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองทิเบต ประเทศจีน
โชว์ทิเบต นครลาซา ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต นครลาซา สีสันแห่งหลังคาโลก
โชว์ทิเบต นครลาซา สีสันแห่งหลังคาโลก
โชว์ทิเบต นครลาซา คลิปวีดีโอทัวร์ทิเบต
โชว์ทิเบต
เป็นการการแสดงการฟ้อนรำของชนกลุ่มน้อยชาว
ทิเบต
และชาวเจียง เป็นการเล่าเรื่องราวของวิถีชีวิต วัฒนธรรม การละเล่นและประเพณีต่างๆ ให้ท่านได้ทราบถึงความเป็นมาในการสร้างรัฐสร้างชาติ จนมาหล่อหลอมรวมกันเป็นชาติจีนในที่สุด
โชว์ทิเบต
ที่นครลาซา มีการแต่งชุดเสื้อผ้า ฉากและการจัดแสงสีไว้อย่างสวยสดงดงาม สำหรับใครที่ไปเที่ยวนครลาซา
ทิเบต
ก็ไม่น่าพราดกับการแสดงชุดนี้นะครับ...
โชว์ทิเบต นครลาซา สีสันแห่งหลังคาโลก
โชว์ทิเบต นครลาซา สีสันแห่งหลังคาโลก
โชว์ทิเบต ระบำพื้นบ้านทิเบต
กล่าวกันว่าชาวธิเบตเกือบทุกคนสามารถร้องเพลงและเต้นรำได้ เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ระบำธิเบตก็มีมากมายหลายชนิดมาก ล้วนสืบทอดและสั่งสมประสบกาลตั้งแต่อดีตตามลัทธิความเชื่อ Bon-Po ซึ่งถือเสมือนศาสนาดั้งเดิมที่เชื่อในพลังอำนาจของธรรมชาติและอานุภาพแห่ง ป่าไม้สิงสาราสัตว์ในดินแดนทุ่งกว้างอันไพศาลประกอบกับวัฒนธรรมความเชื่อ พื้นถิ่นของชาวบ้าน
ระบำศาสนา อย่างระบำ Qamo ที่โด่งดังเป็นตัวอย่างของการผสานความเชื่อตามลัทธิ Bon อันถือเป็นศาสนาพื้นถิ่นดั้งเดิม กับพุทธศาสนาแบบตันตระในสายวชิรยาน Padmasambhava ซึ่งเป็นพระจาก Kashmir ไม่เพียงนำพุทธศาสนามาสู่ธิเบต อีกทั้งยังได้ปรับปรุงระบำพื้นบ้านที่เป็นลัทธิความเชื่อของ Bon-Poโดยการลดความสำคัญของ วิญญาณปีศาจมาเป็นระบำพ่อมดสมัยใหม่ (Sorcerers dance) การบูชายันต์แบบเดิมก็ถูกตัดออกไปเนื่องจากขัดหลักห้ามฆ่าสัตว์ในพุทธศาสนา แต่ยังคงระบำเลียนท่าสัตว์อย่างเช่นระบำกวาง ระบำวัว ระบำโครงกระดูก และได้เพิ่มระบำผู้พิทักษ์ (พิทักษ์ธรรมะ) และสรุปท้ายด้วยหลักธรรมตามแนวทางตันตระเสมอ เช่นระบำการสละชีวิตเพื่อช่วยชีวิตเสือ หรือระบำของชายผู้เป็นอมตะ เป็นต้น
ระบำที่เป็นแบบพื้นบ้านมีมากมาย แต่ที่ค่อนข้างจะเป็นมาตรฐานคือ ระบำกัวซี่ (Guoxie) ซึ่งแปลว่าหมู่บ้าน มักแสดงออกถึงความปีติยินดีหลังการเก็บเกี่ยว Guoxi จะเป็นจังหวะ 2/4 และจะเริ่มต้นด้วยการร้องว่า Xiu, Xiu, Xiu ซึ่งแปลได้ว่าเริ่ม คล้ายกับพูดว่า เอ้า... หนึ่ง สอง สาม เริ่ม ทำนองนั้น และจะจบด้วย Xiexiu หรือแปลว่า Finale หลังจากที่กล่าวคำว่า Ah, Jia, hei! ตามด้วยภาษาธิเบตซึ่งแปลแล้วได้ความว่า ไม่มีดินแดนใดในโลกที่สวยงามเท่าแผ่นดินมาตุภูมิของเรา ไม่มีบ้านที่ไหนสุขสบายเท่าบ้านของเรา ไม่มีหนุ่มสาวที่ใดที่มีความสุขเท่าพวกเรา และไม่มีชนชาติใดจะโชคดีเท่าชนชาติเรา
"จัวอู่" ระบำกลองคาดเอว ระบำพื้นบ้านทิเบตที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาล
ประชาชนที่อาศัยอยู่บนที่ราบสูงทิเบตทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ทุกคนร้องรำทำเพลงได้เก่ง การแสดงพื้นบ้านของทิเบตหลายๆ ชนิดเป็นศิลปกรรมเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาล
ในภาษาท้องถิ่นทิเบต "จัวอู่" หมายความว่า ระบำกลองคาดเอว ระบำชนิดนี้ส่วนใหญ่จะแสดงในพิธีเปิดงาน และพิธีปิดงานที่สำคัญต่างๆ "จัวอู่" มีประวัติมากว่า 1300 ปี เป็นส่วนประกอบของวัฒนธรรมระบำพื้นบ้านชนชาติ
ทิเบต
และเป็นระบำที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งของจีน ตลอดจนของโลกด้วย
เกี่ยวกับเรื่องการกำเนิดระบำ "จัวอู่" มีนิทานเล่ากันว่า เมื่อกลางศตวรรษที่ 8 เจ้าครองถิ่นทิเบตสั่งให้ก่อสร้างวัดแห่งแรกของ
ทิเบต
ที่ฝั่งเหนือของแม่น้ำ หยาลูจ้างปู้เจียง ตอนกลางวัน คนงานก่อสร้างได้เร่งทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่เมื่อตกกลางคืน กำแพงวัดที่เพิ่งสร้างขึ้นในตอนกลางวันก็ถูกพวกผีปีศาจทำลายจนพัง ด้วยเหตุนี้ พระของวัดนี้ไปเชิญหนุ่มที่เป็นพี่น้องกัน 7 คน มาเต้นระบำ "จัวอู่" เพื่อช่วยขับไล่พวกผีปีศาจ หลังจากนั้น ระบำ "จัวอู่" ก็ได้เผยแพร่ออกไปในทิเบต
หมู่บ้าน เตรนโก (Trengo) อำเภอคองการ์ (konggar) ของเขตปกครองตนเองทิเบตเป็นแหล่งกำเนิดระบำ "จัวอู่" ชาวบ้านที่นี่ไม่ว่าเป็นผู้สูงอายุหรือเป็นเด็ก เมื่อได้ยินเสียงกลองดังขึ้น ก็จะเต้นระบำ"จัวอู่" ตามจังหวะ ตาซิ ดูนตรุบ(Tashi Dundrub) อายุ 80 ปีเป็นศิลปกรระบำ "จัวอู่" ที่มีชื่อในทิเบต และเป็นผู้สืบทอดระบำ "จัวอู่" ที่มีอายุมากที่สุดในหมู่บ้านเตรนโก (Trengo) ทุกวันนี้ เมื่อพวกหนุ่มๆ สาวๆ ฝึกเต้นระบำ "จัวอู่" ตามสาธารณะสถานของหมู่บ้าน ตาซิ ดูนตรุบ(Tashi Dundrub) มักจะนั่งดูที่ข้างๆ เมื่อเห็นใครเต้นผิดท่าหรือรำไม่สวย เขาจะรีบบอกให้แก้ทันที ในสายตาของตาซิ ดูนตรุบ(Tashi Dundrub) ระบำ"จัวอู่"เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่บรรพบุรุษตกทอดมาให้ชนรุ่นหลัง ทว่า เมื่อ 50 ปีที่แล้ว การเต้นระบำ "จัวอู่" ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกมีความสุขเลย
เนื่องจำในตอนนั้น ชาวบ้านฝึกเต้น ระบำ "จัวอู่" เพื่อถูกเกณฑ์ไปรับใช้ขุนนาง พระ และผู้ดีโดยเฉพาะ ในวันขึ้นปีใหม่ทิเบตของแต่ละปี ชาวบ้านส่วนใหญ่จะอยู่พร้อมหน้ากับสมาชิกในครอบครัว แต่ผู้ที่ถูกเกณฑ์ไปเต้นระบำ "จัวอู่" ต้องพลัดจากสมาชิกในครอบครัว เดินทางไปเมืองลาซาโดยลำพัง เพื่อแสดงระบำ"จัวอู่"ให้พวกขุนนาง พระ และผู้ดีชม ตอนนั้น ผู้ที่ไปแสดง ระบำ "จัวอู่" ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับค่าตอบแทน น้ำดื่มก็ไม่มีให้ ดังนั้น ผู้ที่เต้นระบำ "จัวอู่" ส่วนใหญ่ไม่ได้เต้นด้วยความสมัครใจ และ ไม่ได้ตั้งใจฝึกเต้น
แต่ภายหลังดำเนินการปฏิรูปแบบประชาธิปไตยที่
ทิเบต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดำเนินการปฏิรูปและเปิดประตูสู่ภายนอกเมื่อปลาย ทศวรรษที่1970 รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ และพัฒนาวัฒนธรรมของชนชาติ เสียงกลองคล้องเอวของระบำ "จัวอู่" ได้ดังขึ้นอย่างคึกคักตามหมู่บ้านต่างๆ ในทิเบต ระบำ "จัวอู่" ศิลปกรรมอันเก่าแก่และลี้ลับนี้ได้ปรากฎเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนทั้งหลายด้วย โฉมหน้าใหม่
ก่อนหน้าที่ทิเบตดำเนินการปฏิรูปแบบประชาธิปไตย ระบำ "จัวอู่" ได้แต่แสดงในงานที่ทางวัดหรือทางการ
ทิเบต
จัดขึ้นเท่านั้น ไม่อนุมัติให้แสดงในโอกาสอื่นๆ แต่ปัจจุบัน ระบำ "จัวอู่"ได้กลายเป็นกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจอย่างหนึ่งของชาวบ้านไปแล้ว ชาวบ้านนิยมเต้นระบำ "จัวอู่" ตามสาธารณะสถานต่างๆในยามว่างจาก การทำงาน ทุกวันนี้ ระบำ "จัวอู่"ได้รับการอนุรักษ์ และพัฒนาอย่างยิ่ง
โชว์ทิเบต นครลาซา สีสันแห่งหลังคาโลก
โชว์ทิเบต นครลาซา สีสันแห่งหลังคาโลก
โชว์ทิเบต นครลาซา สีสันแห่งหลังคาโลก
โชว์ทิเบต นครลาซา สีสันแห่งหลังคาโลก
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต
โชว์ทิเบต